แผนปี 65 ‘แสนสิริ’ บอกไม่ได้หวังแค่กำไร ชูความเท่าเทียม ลดก๊าซเรือนกระจก เป็น บ.อสังหาฯ แห่งแรก ที่จะก้าวสู่ Net Zero

แสนสิริ กางแผนดำเนินงานปี 2565 เปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ ตั้งเป้ายอดขายระยะยาว 3 ปี รวม 120,000 ล้านบาท พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ นอกจากผลกำไรแล้ว ยังให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและมุ่งเป้าเป็นบริษัทอสังหาฯ แห่งแรกของไทยที่จะลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) 

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2564 นับว่าเป็นปีแห่งความหวังที่ท้าทาย โปรดักส์ยังเน้นไปที่โครงการแนวราบเพื่อตอบรับ Real Demand และเน้นการเปิดตัวโครงการ Affordable Segment ในราคาเอื้อมถึง

ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมราคาต่ำล้าน ทั้งแบรนด์คอนโดมี เดอะ มูฟและเดอะ เบส นอกจากนี้ยังมีโครงการทาวน์โฮมแบรนด์ สิริ เพลส ซีรีส์ใหม่ ด้วยระดับราคาเข้าถึงง่ายจึงได้รับกระแสการตอบรับที่ดี 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านเดี่ยวกระจายในหลายทำเลและหลายระดับราคา เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มเข้าถึงได้ เช่น แบรนด์เริ่มต้นอย่างอณาสิริ ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็นแบรนด์สราญสิริ บุราสิริ และเศรษฐสิริ ตามลำดับ ไปจนถึงบ้านเดี่ยวระดับ Luxury อย่างแบรนด์บูก้าน ซึ่งปิดการขายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนแผนปี 2565 ของแสนสิริ อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “STEP BEYOND” เติบโตยั่งยืนทุกมิติ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยหลักทั้ง 3 ได้แก่ Profit-People-Planet มุ่งสร้างรายได้และผลกำไร อีกทั้งยังดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับทุกคนเป็นศูนย์กลาง พร้อมเดินหน้าพันธกิจสีเขียว

เริ่มต้นจาก Profit หรือผลกำไร แสนสิริเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 28 โครงการ และคอนโดมิเนียม 18 โครงการ ครอบคลุมทุก Segment เช่นเดิม โดยจะเน้นไปที่ตลาดแนวราบ ที่น่าสนใจคือจะดึงบ้านเดี่ยวแบรนด์บุราสิริกลับมาขายอีกครั้ง จำนวน 2 โครงการ 

อีกทั้งนี้ในปี 2565 ตั้งเป้าหมายยอดขายและยอดโอนไว้ที่ 35,000 ล้านบาท ส่วนในระยะยาว 3 ปี มองถึงความแข็งแกร่งที่จะเติบโต ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายรวม 120,000 ล้านบาท

หลักต่อมาคือให้ความสำคัญกับ People ดำเนินธุรกิจภายใต้ “YOU-centric” ทุกคนเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญ ทั้งพนักงาน ลูกค้า และสังคม ผ่านการส่งเสริมความเสมอภาคในพนักงาน ทั้งในด้านการเติบโตและสวัสดิการของทุกเพศ นำเสนอโครงการที่คิดมาจากความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมความเท่าเทียม

ส่วนหลักสุดท้ายคือ Planet  มุ่งมั่นเดินหน้าในพันธกิจสีเขียว วางเป้าหมายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-zero) ให้ได้ เริ่มจากการสร้างความเข้าใจและให้ความรู้แก่พนักงานภายในองค์กร พร้อมหันมาใช้พลังงานสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัย

อย่างการติดตั้ง Solar Roof ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการใหม่ที่เปิดขายให้ได้ 100% พร้อมไฟในสวนและถนนต้องเป็นไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งจะติดตั้ง Solar Roof ในบ้านทุกหลังที่เปิดขายใน Segment ระดับบนให้ได้ 100% เช่นกัน ทั้งหมดนี้จะเริ่มภายในปีนี้

อีกทั้งจะส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยส่วนกลางของทุกโครงการใหม่ของแสนสิริต้องมี EV Charger 100% รวมทั้งบ้านทุกหลังในโครงการระดับบนของแสนสิริจะติดตั้งมาให้ด้วย ซึ่งแสนสิริจะพยายามควบคุมต้นทุนต่างๆ เพื่อไม่ให้ราคาขายบ้านสูงจนกระทบต่อผู้ซื้อ

นอกจากนี้บ้านโครงการใหม่ของแสนสิริกว่า 70% จะต้องเป็น Cooliving Designed Home เพื่อช่วยลดอุณหภูมิให้บ้านเย็นและประหยัดพลังงาน พร้อมการจัดการเรื่อง Waste Management ทั้งจากการก่อสร้างและในโครงการให้มีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมาแสนสิริ เป็นองค์กรใหญ่ที่มีการปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ ยกตัวอย่าง การเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ เช่น โรงแรมสัญชาติอเมริกันอย่าง The Standard โดยเพิ่งเปิดให้บริการที่หัวหินไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาหรือจะเป็นการร่วมมือกับ X-spring AMC รุกธุรกิจบริหารสินทรัพย์

พร้อมทั้งเตรียมออกหุ้นกู้เริ่มที่หลักพันบาทกับทางธนาคารกรุงไทยผ่านแอปเป๋าตังค์ จากก่อนหน้านี้ได้ออกหุ้นกู้ผ่านแอป SCB ขั้นต่ำหมื่นเดียวก็ลงทุนได้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนรายย่อยเป็นอย่างดี แสนสิริมองว่าเป็นการสร้างความเสมอภาคให้ผู้ที่สนใจลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นกู้ได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านการใช้คริปโตเคอร์เรนซี เพื่อซื้อบ้านและคอนโดได้ รวมไปถึงใช้จ่ายค่าส่วนกลางได้อีกด้วย ส่วนในอนาคตจะดีลกับร้านค้าต่างๆ เพื่อให้ใช้คริปโตฯ จับจ่ายซื้อของได้ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใช้สกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นในปัจจุบัน