จำเป็นต้องซื้อประกัน COVID-19 ไหม แล้วควรเลือกความคุ้มครองอย่างไร

https://www.facebook.com/WorkpointNews/videos/203754840688937/

ช่วงนี้หลายคนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัส COVID-19 ระบาด มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมกันใกล้จะทะลุ 1 แสนรายแล้ว และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตไปประมาณ 3 พันคน โดยล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (29 ก.พ. 63) ไทยมีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 เป็นรายแรก ทำให้หลายคนยิ่งมีความวิตกมากขึ้น

คำถามยอดฮิตที่ผมได้รับในช่วงนี้ คือ จะซื้อประกัน COVID-19 ของบริษัทไหน และทำแผนประกันอะไรดี  ผมจึงรวบรวมคำถามที่ถูกถามเข้ามาในเพจ Dr. Pete Peerapat และขอตอบเป็นข้อ ๆ ตามนี้เลยครับ

• เราจำเป็นต้องทำประกัน COVID-19 หรือไม่

ไทยเป็นประเทศที่มีหลักประกันสุขภาพสำหรับคนไทยทุกคนอยู่แล้วครับ คือ สิทธิบัตรทอง (หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) และ ประกันสังคม ซึ่งเราจะได้รับความคุ้มครองในการรักษาโรค COVID-19 ตามขั้นตอน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

หากใครเพิ่งเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงและสงสัยว่าตนเองอาจติดโรค (มีไข้สูง 37.5 องศาขึ้นไปต่อเนื่องหลายวัน ไอ จาม เจ็บคอนานเกิน 4 วัน หายใจหอบ เป็นต้น) ก็สามารถโทรหากรมควบคุมโรคที่เบอร์ 1422 หรือไปตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาได้ทันที แต่ถ้าไม่มีอาการอะไรอย่าไปเลยนะครับ เพราะเป็นการเพิ่มภาระงานให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ช่วงนี้ทำงานหนักอยู่แล้ว และอาจเสี่ยงติดเชื้อจากโรงพยาบาลอีก

ดังนั้น แม้ว่าเราจะไม่ซื้อประกันเพิ่มเติม แล้วเกิดติด COVID-19 ขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่ต้องกลัวครับ เพราะคนไทยทุกคนจะได้รับการรักษาพยาบาลโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแน่นอน

• ถ้ารักษา COVID-19 ฟรีอยู่แล้ว ทำไมหลายคนถึงทำประกันเพิ่มอีก

บางคนอาจบอกว่า ไม่รู้ว่ามีสิทธิบัตรทองหรือประกันสังคมอยู่แล้ว  ขณะที่บางคนก็บอกว่า ทำเพื่อความสบายใจ  แต่ผมอยากจะบอกว่า อย่าเพิ่งตัดสินใจทำครับ ถ้าไม่รู้ว่าประกันที่คุณจะทำคุ้มครองอะไรบ้าง เพราะประกัน COVID-19 ที่ขาย ๆ กันตอนนี้ ให้ความคุ้มครองไม่เหมือนกัน

• ถ้าจะทำประกัน  COVID-19 ต้องเลือกอย่างไร

ก่อนอื่น ผมแนะนำให้คุณสำรวจก่อนว่า คุณมีประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตอยู่แล้วหรือไม่  เพราะถ้าคุณมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ปกติประกันสุขภาพจะคุ้มครองการรักษาโรค COVID-19 ด้วย เช่นเดียวกับประกันชีวิตที่คุณทำเอาไว้ ก็คุ้มครองการเสียชีวิตจากไวรัสตัวนี้ครับ

แต่ถ้าคุณยังอยากทำประกัน COVID-19 จริง ๆ ผมก็แนะนำให้ลองตอบคำถามนี้ดูก่อนครับว่า คุณทำประกัน COVID-19 เพราะอะไร  เช่น ต้องการเงินมรดกกรณีที่เราเสียชีวิต ต้องการค่ารักษาพยาบาล ต้องการเงินชดเชยหากต้องหยุดงาน เป็นต้น

เนื่องจากประกันแต่ละแผน แต่ละบริษัท มีเงื่อนไขจ่ายเงินให้เราไม่เหมือนกัน เราจึงต้องเลือกความคุ้มครองที่ต้องการก่อนตัดสินใจซื้อประกัน ไม่ใช่ซื้อเพราะดูที่เบี้ยประกันเป็นหลักนะครับ

• ฟันธงให้เลยได้ไหม ว่าซื้อประกัน COVID-19 ของบริษัทอะไร และแผนอะไรดี

อย่างที่ตอบไปในข้อก่อนหน้านี้ครับ ผมฟันธงให้ไม่ได้ว่าซื้อประกันที่ไหนดี  เพราะความคุ้มครองที่แต่ละคนต้องการไม่เหมือนกัน แต่ผมขออธิบายเป็นแนวทางให้แล้วกันครับว่า ถ้าผมจะซื้อประกัน  COVID-19 ผมจะเลือกอย่างไร

1. ค่ารักษาพยาบาล  บริษัทประกันทุกแห่งมักมีเงื่อนไขว่า จะจ่ายให้ก็ต่อเมื่อคุณถูกวินิจฉัยว่าติด COVID-19 แล้วเท่านั้น  ไม่ใช่ว่าคุณป่วยแล้วสงสัยว่าจะติดเลยไปหาหมอ แบบนี้เขายังไม่จ่ายให้นะครับ ซึ่งในส่วนของค่ารักษาพยาบาลจะมีการจ่าย 2 แบบ คือ จ่ายตามจริงแต่ไม่เกินวงเงิน หรือ จ่ายให้เป็นก้อนไปเลย สำหรับผมเอง มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ผมจะเลือกประกันแบบ ได้รับเงินก้อนไปเลย  ถ้าถูกวินิจฉัยว่าติด COVID-19 เพราะไม่อย่างนั้นประกัน COVID-19 ที่ทำใหม่จะซ้ำซ้อนกับประกันสุขภาพเดิมที่ผมมีอยู่แล้ว

2. ความคุ้มครองชีวิต  ผมมีประกันชีวิตอยู่แล้ว ดังนั้น ผมจึงไม่สนใจประกันที่จ่ายเยอะ ๆ ในกรณีเสียชีวิตครับ เพราะอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้ในไทยน้อยมาก แต่ถ้าคุณยังไม่มีประกันชีวิต  ก็แนะนำให้ดูประกันที่มีความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเอาไว้ด้วย จะห้าหมื่นหรือแสนนึงก็เลือกตามใจชอบครับ

3. เงินชดเชยรายได้  ใครเป็นมนุษย์เงินเดือน มีรายได้ประจำ เงินชดเชยรายได้อาจไม่สำคัญมาก เพราะคุณมีสิทธิลาป่วยตามกฎหมายได้ 30 วัน โดยยังได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน แต่สำหรับคนที่ไม่มีรายได้ประจำ หรือได้รับค่าแรงเป็นรายวัน  ถ้าหยุดงานก็จะขาดรายได้ทันที ผมแนะนำให้คุณเลือกแผนประกันที่มีการจ่ายเงินชดเชยรายได้ให้ด้วยนะครับ เพราะอย่างน้อยช่วงที่หยุดงานไปคุณก็จะยังได้รับเงินชดเชยวันละพันสองพันก็ยังดีครับ

แต่เรื่องเงินชดเชยรายได้นี่ อ่านเงื่อนไขดี ๆ นะครับ เพราะประกันเขาจะจ่ายให้เฉพาะกรณีที่คุณติดเชื้อและต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่รวมกรณีที่คุณไปเที่ยวกลับมาแล้วถูกกักตัว 14 วัน

สรุปว่า แม้เบี้ยประกัน COVID-19 ส่วนใหญ่จะไม่แพง แค่หลักร้อยบาท แต่ผมก็แนะนำให้พิจารณาความคุ้มครองทั้ง 3 ด้าน ตามที่แนะนำไปนะครับ เพราะเบี้ยประกันเหล่านั้นจะได้ให้ความคุ้มครองตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด