แม่ร้องมูลนิธิปวีณาลูกสาวม.1 ถูกรุ่นพี่ ม.3 ข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน ครูให้กินยาคุมฉุกเฉิน แต่กลับไม่แจ้งผู้ปกครอง แถมเมื่อครอบครัวมารู้เรื่องทีหลังเลยไม่ให้ลูกไปเรียน ยังถูกโรงเรียนเรียกค่าปรับ 1 หมื่นอีก
วันที่ 24 ก.ค. พนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง จ.นครราชสีมา พา “น้องบี” (นามสมมติ) นักเรียนหญิงอายุ 13 ปี ชั้น ม.1 ไปชี้จุดเกิดเหตุบริเวณห้องน้ำภายในโรงเรียนใน ต.ด่านคล้า อ.โนนสูง เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการทำสำนวน ดำเนินคดีกับนักเรียนชายรุ่นพี่ อายุ 16 ปี ชั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกัน ที่ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา “น้องบี” ในห้องน้ำ ก่อนถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ และกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ส่งตัวฟ้องศาลตามขั้นตอนกฎหมาย
คดีนี้ผู้ปกครองของ “น้องบี” นำเอกสารหลักฐานร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากเหตุการณ์ที่ลูกสาวถูกรุ่นพี่ล่อลวงไปข่มขืนในห้องน้ำ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. แต่ผู้ปกครองมารู้เรื่องภายหลังในวันที่ 8 ก.ค. หรือผ่านไปเกือบ 1 เดือน หลังสังเกตอาการลูกสาวผิดปกติต่อเนื่องมานาน คือ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหม่อลอย มึนงง และทำร้ายตัวเอง
กระทั่งเค้นถามจึงทราบว่า ถูกนักเรียนรุ่นพี่ลวงไปข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน โดยครูในโรงเรียนก็รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นผู้นำยาคุมฉุกเฉินให้ลูกสาวรับประทาน 2 เม็ด จนเด็กสาวมีอาการปวดท้องและเลือดออกทางช่องคลอด
ครอบครัวนำหลักฐานแผงเม็ดยาที่ครูให้มา 2 เม็ด ซึ่งเด็กกินไป 1 เม็ด ไปแจ้งความตำรวจ สภ.โนนสูง ให้ดำเนินคดีกับรุ่นพี่ ม.3 พร้อมนำยาไปตรวจกับเภสัชกร ยืนยันว่า เป็นยาคุมฉุกเฉินจริง จึงพาลูกไปหาโรงพยาบาลรักษาอาการข้างเคียงอีก 4 ครั้ง และไม่ให้ลูกไปโรงเรียนอีกเลย
หลังมีการแจ้งความ ผู้ปกครองนักเรียนรุ่นพี่ ม.3 และ ผู้อำนวยการโรงเรียน เสนอเงินช่วยเหลือ 40,000 บาท ให้จบเรื่องกันไป แต่ฝ่ายผู้เสียหายไม่ยอม ยิ่งไปกว่านั้นโรงเรียนมีหนังสือแจ้งผู้ปกครองให้มาเสียเงินค่าปรับ 10,000 บาท ฐานไม่ยอมให้เด็กสาวมาโรงเรียน จึงนำเรื่องร้องเรียนมูลนิธิปวีณา กระทั่งทางตำรวจมีการจับกุมผู้ก่อเหตุดำเนินคดี
ซึ่งทางฝ่ายผู้ปกครองเรียกร้องให้หน่วยงานต้นสังกัดสอบสวนพฤติกรรม ผอ.และครูโรงเรียนด้วย