SHARE

คัดลอกแล้ว

เปิดบทสัมภาษณ์ เซ้นต์–ชิม่อน ที่จะเผยเรื่องจริงสุดหลอนจากโรงเรียนและกองถ่าย School Tales the Series โรงเรียนผีมีอยู่ว่า…

School Tales the Series โรงเรียนผีมีอยู่ว่า… ซีรีส์เรื่องล่าสุดจาก Netflix ที่นำเอาเรื่องราวหลอนในรั้วโรงเรียนมาบอกเล่าผ่านซีรีส์ 8 ตอน 8 เรื่องเล่าที่ดัดแปลงมาจากคอมิกส์ และหนึ่งในเรื่องหลากรสคือ ตอน เดินล่าท้าผี ที่ได้ เซ้นต์-ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา และ ชิม่อน-วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์ รุ่นพี่รุ่นน้องในชีวิตจริง มารับบทเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง บอยและตั้มที่จะมาเดินหน้าท้าพิสูจน์เรื่องราวผีในโรงเรียนโดยทั้งสองมาเผยทั้งเรื่องราวการเตรียมตัวเตรียมใจมารับบทในเรื่องนี้ ไปจนถึงเรื่องราวหลอนในชีวิตจริงทั้งในโรงเรียนและในกองถ่ายของทั้งคู่

โดยทั้งสองเผยว่ามีการทำการบ้านด้านปูมหลังของตัวละครเพื่อเพิ่มความเข้าใจในตัวละคร โดยเซนต์เผยว่า “ด้วยความตัวละครมันจะมีความแบบจินตนาการสูง ส่วนตัวของผม ผมจะมีการไปทำการบ้าน เรื่องจินตนาการต่าง ๆ ทำบทเอง ทำคาแรคเตอร์เอง เพราะว่าตัวคาแรคเตอร์เองไกลตัวมาก เพราะบอยเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี แต่ส่วนตัวเป็นคนเชื่อ มันจึงมีความไกลกัน หรือส่วนตัวคงไม่ไปท้าทายผี แต่ว่าตัวบอยท้าไปทั่ว ไม่ใช่แค่ผี คนยังท้าเลยครับ”

ซึ่งก็คล้ายกับชิม่อนที่ทำการบ้านเรื่องปูมหลังและแรงจูงใจของตัวละครมาก่อน “อันดับแรกเลย ต้องไปทำการบ้านเรื่องคาแรคเตอร์ก่อน ว่าคาแรคเตอร์ของตัวละครของเราเป็นคนอย่างไร ไปดูเรื่องเบื้องหลังของตัวละครด้วยว่า ในเมื่อถ้าตั้มพูดแบบนี้ ตั้มกระทำแบบนี้เบื้องหลังของตัวละครตัวนี้มันจะเป็นอย่างไร แล้วก็มีการไปทำการบ้านเกี่ยวกับเรื่องผีด้วยครับ ว่าผีแต่ละตนเป็นอะไร ทำไมเขาถึงมาเป็นแบบนี้ แล้วเขามีพิษสงร้ายบ้างหรือเปล่า”

จากนั้นทั้งสองก็เล่าเรื่องประสบการณ์หลอนของแต่คนที่เคยเจอในโรงเรียนและกองถ่ายอย่างสนุกสนานโดยชิม่อนเริ่มก่อนด้วยประสบการณ์เจอผีในโรงเรียนยามดึก

ประสบการณ์หลอนในชีวิตจริงที่โรงเรียน

“โรงเรียนของเราเนี่ย จะมีบราเธอร์ที่เป็นคล้ายๆ กับผู้อำนวยการ ซึ่งบราเธอร์เป็นเหมือนผู้ก่อตั้งโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนของเราก็อายุ 100 กว่าปีแล้ว และมันก็มีตึกเก่าตึกนึงที่อายุ 100 กว่าปีเช่นกัน แล้วมันมีวันนึงที่ผมจะต้องขึ้นไปเอาของข้างบนช่วง 3-4 ทุ่ม แต่พอเข้าไปจะไปหยิบของแต่ห้องล็อก เราก็เลยไม่เอาของ แล้วเราก็เดินลง

ในระหว่างที่เราจะเดินกลับ ได้ยินเสียงเหมือนคนลากของ ลากโต๊ะในห้อง ทั้ง ๆ ที่ห้องมันถูกล็อกอยู่ เราก็รู้สึกว่า ‘เห้ย ไม่ใช่แล้วว่ะ’ ห้องมันล็อกอยู่แล้วใครจะเลื่อน เพื่อนก็เลยวิ่งไปดูว่าใคร แล้วเพื่อนก็เห็นเป็นเหมือนเงาบราเธอร์ที่มีเคราหน่อย ใส่ชุดแบบเหมือนที่เราดูกันมาเลย ซึ่งเป็นชุดสีดำที่ใช้ในยุคก่อน ประมาณ 100 กว่าปีที่แล้ว หลังจากนั้นเพื่อนก็พาวิ่ง แต่เหตุการณ์ที่มันพีคกว่านั้นก็คือลิฟต์ครับ

เรากดลิฟต์จากชั้น 3 เพื่อจะลงไปชั้น 1 กดปุ๊บ ตี๊ดดด ปึ้ง ต้องลงลิฟต์เพราะบันไดมันล็อก มันไม่สามารถเข้าได้ เขาเปิดให้แค่ลิฟต์ แล้วก็ลงลิฟต์มาชั้น 1 แต่ประตูลิฟท์เปิดชั้น 2 ในเวลา 3 ทุ่ม ซึ่งไม่น่าจะมีคนอยู่ในตึกเพราะว่ามันล็อกไง แล้วใครจะมากด ถูกปะ เราก็เลยกดลิฟต์อีก เพื่อที่จะลงไปชั้น 1 มันกลับขึ้นไปชั้น 3 เราก็แบบ ‘ทำไมถึงเป็นอย่างงี้วะ เรากับเพื่อน ๆ ก็เริ่มกลัว ก็เลยรีบลิฟต์เพื่อลงไปชั้น 1 มันก็ลงมา ปี๊ดด ติ้ง แต่ไม่เปิด ประตูไม่เปิดให้ครับ ประมาณสัก 3 วิ – 5 วิ แต่มันรู้สึกว่านานมาก พอลิฟต์มันเปิดออกมาช้า ๆ ปุ๊บ ไฟข้างนอกก็กระพริบ เหมือนหนังผีเลย ปึ๊บปั๊บ ปึ๊บปั๊บ ปึ๊บปั๊บ ปึ๊บปั๊บ ก็เลย  วิ่ง 4 คูณ 100 ออกจากโรงเรียนไปเลยจ้า”

School Tales The Series. (L to R) Suppapong Udomkaewkanjana as Boy, Wachirawit Ruangwiwat as Tum in episode “A Walk in School” of School Tales The Series. Cr. Jukrin Kongdon/Netflix © 2022

ส่วนเรื่องหลอนของเซ้นต์นั้น อยู่ในสถานที่เดียวกันห่างกันไปไม่กี่ตึก ในตึกที่มีห้องดนตรีไทย “วันนั้นเราเป็นทีม อารมณ์แบบตัวแทนรุ่นหรือตัวแทนแบบระดับชั้น ไปช่วยงาน มันมีงานประชุมรวมทุกโรงเรียนในเครือ เราก็เป็นเด็กแผนกยกของ เขาบอกให้ไปหยิบโต๊ะมาเพื่อวางของ  ซึ่งห้องที่สามารถหยิบโต๊ะได้ง่ายที่สุด มันเป็นห้องที่อยู่ติดกับห้องนาฏศิลป์

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตอนนั้นห้องนาฏศิลป์เนี่ยไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่เขาย้ายลงมาเพราะว่าปิดปรับปรุงเหมือนกัน ก็เลยบังเอิญอยู่ตรงนั้น ผมก็เดินลงมาเพื่อที่จะเดินไปยกโต๊ะ แล้วพอเดินผ่านห้องก็แบบมีเสียงฟีลดนตรีไทย แต่ก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่ามันคือเครื่องอะไร เล่นขึ้นมา ตึ้ง ตึง ตึ๋ง ตึง มาเป็นเสี้ยว เราก็รู้สึกว่า ‘เอ่อ หรือเราหูแว่ว’ แต่มันมาครั้งที่ 2 แบบติด ๆ กันเลยนะ

เราก็รู้สึกในใจว่า เด็กชมรมนาฏศิลป์ ชมรมดนตรีไทยเนี่ย เขาอาจจะลืมโทรศัพท์เอาไว้ แต่ปกติ เวลานั้นเขาไม่น่าลืม เราก็เลยรู้สึกว่าคงไม่ใช่ เราคงหูแว่ว ก็เดินผ่านไปยกโต๊ะ พอเดินผ่านอีก ก็มีอีก เราก็รอช้ากระไรล่ะ วางโต๊ะ ปึ้ง  เราก็เคาะเลย เราคิดว่า อาจจะเป็นเพื่อนเราแกล้งหรือใครแกล้งก็ได้ และเพราะว่าเราไม่ได้มาคนเดียว เรามีเพื่อนด้วย เผื่อมันจะมีวิธีที่สามารถลงบันไดนู้นมันมาดักบันไดนี้ก็ได้ เราก็เลยตัดสินใจว่าเคาะเลย เอ้ย อย่าแกล้งกัน ให้คนที่อยู่ห้องดนตรีนั้นออกมา แต่สรุปก็ไม่มีใครออกมา เราก็เลยคิดว่า ‘เอ้อ ไม่มีอะไรหรอก เราคงหูแว่ว’ ถึงมันจะได้ยิน ส่งท้ายนิดหน่อย

พอจะขึ้นลิฟต์ ลิฟต์เปิด เราก็วางโต๊ะไว้ในลิฟต์ ประตูก็ปิด แต่สักพักประตูก็… เคยเป็นใช่ไหมเวลาลิฟต์มันจะช้า ๆ มันเป็นบ่อยนะ แต่มันดันเป็นในเวลานั้น แบบ เราก็ ‘เห้ย’ แล้ว ณ บรรยากาศตรงนั้น มันปิดไฟหมดแล้ว สักพักลิฟต์ก็ปิด มันก็ปิดช้า ๆ นะ เปิดช้า ๆ ปิดช้า ๆ อยู่ 4 ครั้งได้ จนครั้งที่ 4 ตัดสินใจ ไม่เล่นแล้ว ยกโต๊ะขึ้นก็ได้ ยอมหนัก ในหัวตอนนั้นก็คือหนังผีมันมาหลายเรื่อง ก็เลยแบบ ยอมยกขึ้นไปก่อน แต่แล้วมันก็มีเสียงเป็นประปรายในห้องดนตรีไทยที่ต้องเดินผ่าน พอเรากลับมายกครั้งที่ 2 ไปวาง…แต่ก็เริ่มชวนเพื่อนลงมายกแล้วนะ ก็เลยถามเพื่อนว่า ‘เห้ย นายแกล้งเราหรอ’ เพื่อนก็บอก ‘ไม่ได้แกล้งเซ้นต์ เนี่ยก็นั่งอยู่เนี่ย นั่งอยู่กับครูเนี่ย’อีกคนนึงก็แบบ ‘ไม่ได้แกล้งเซ้นต์ เนี่ยก็นั่งอยู่กับคนนี้เนี่ย’ ก็เลยคิดว่าไม่มีไรหรอก ก็ยกโต๊ะกันต่อไป แล้วพอวันรุ่งขึ้นก็มาสรุปกับเพื่อนว่า น่าจะเป็นหนู บางทีถ้าหนูมันวิ่งไง อันนี้เราสันนิษฐานเพราะแบบไม่อยากให้มันใช่ แต่มันมีความเสี่ยงว่ามันจะใช่ ก็เลยพยายามตีความเป็นว่า หนูอะ มันวิ่งไปโดนเครื่องดนตรีไทย โรงเรียนเราไม่มีหนู แต่ก็เอาเป็นว่า ให้เชื่อว่าเป็นหนูต่อไปแล้วกัน”

ประสบการณ์หลอนในกองถ่าย

ชิม่อนเปิดเรื่องก่อนด้วยการเล่าถึงฉากหลอนที่แยกคนกับผีไม่ออก“มันมีฉากที่หลอนอยู่ครับ หลอนมาก เป็นซีนที่มีผีหลาย ๆ ตน ซึ่งด้วยบรรยากาศ ด้วยเวลาด้วย ณ ตรงนั้น คือเราถ่ายซีรีส์ผีอยู่อะเนาะ มันก็ต้องมีผี แต่ตอนแรกที่ผมกับพี่เซ้นต์เดินมาแล้วมันสงสัยจนต้องหันหน้ามาถามพี่เซ้นต์ ‘เอ่อ นั้นผีจริง หรือว่าเขาเมคอัพวะพี่เซ้นต์’”

เซ้นต์เสริมว่า “ซึ่งซีนนั้น เราเพิ่งกินข้าวเสร็จ ทำนู้นทำนี่เสร็จ แล้วเราจะเดินมาถ่ายต่อ ทีมงานยังไม่ตามมา แต่ลองนึกภาพไฟ ไฟมันแบบ เห็นเป็นพี่ที่เขาแต่งเป็นผี เราก็เลยเดินเข้าไปทักเลยว่า พี่เป็นพี่ทีมงานใช่ไหมครับ เขาก็คุยกับผมนะ ว่า ‘ใช่พี่เป็นพี่ทีมงาน อย่าเพิ่งคุยกับพี่ พี่ตึง’ เพราะเขาแต่งหน้าแล้วเขาก็เดินมา จังหวะนั้นไม่เท่าไหร่ แต่พอไฟมันรันกลับไป พี่เขาหายไป แล้วเขาโผล่มาอีกไฟนึง เหมือนเขาหายตัวได้ แล้วเราก็คือแบบ บรรยากาศตอนนั้นคือมันเป็นแบบหลังกินข้าวเสร็จ มันหลัง 6 โมงเย็นไปแล้วมันมืด มันไม่มีไฟ แล้วไม่พอ ไฟกระพริบก็สลัว ๆ แดง ๆ ขาว ๆ เหลือง ๆ แบบเออบรรยากาศมันได้ คือขนาดเราถ่ายกัน เรายังหลอนเลย หลอนจริง ๆ”

ชิม่อนสารภาพว่า “ผมจำภาพผีตน แบบว่ากลับไปนอนฝันถึงที่บ้านต่อเลยครับ โอ้โห มันน่ากลัวมากครับ”

ทั้งสองฝากทิ้งท้ายว่าอยากให้ทุกคนติดตามซีรีส์ เพราะขนาดไปถ่ายในฐานะนักแสดง ยังทึ่งกับความหลอนกันขนาดนี้ คนดูที่ดูหลังมี CG มีนู้นมีนี้ใส่เข้าไป ตัดต่อเสร็จ หลอนกว่าเดิมอีกแน่นอนนะ เปิดความหลอนพร้อมกันกว่า 190 ประเทศทั่วโลกได้แล้วทาง Netflix

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า