นักวิทยาศาสตร์ใกล้ค้นพบเคล็ดลับย้อนวัย แก้ไขในระดับยีนส์ ถ้าสำเร็จยืดอายุได้อีก 50 ปี

นักวิทยาศาสตร์ชาวสเปนทำการทดลองแก้ไขยีนส์พันธุกรรมในหนูทดลอง พบว่าสามารถทำให้หนูทดลองย้อนวัยได้แล้ว หากทำสำเร็จจะเป็นความหวังที่อาจช่วยยืดอายุของมนุษย์ได้อีก 30-50 ปี กระนั้นก็ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากหนูทดลองที่ถูกดัดแปลงยีนส์นี้ ตายภายในเวลาไม่นานจากเซลล์ที่ทำงานผิดปกติหรือไม่ก็เป็นมะเร็ง

Juan Carlos Inpisua Belmonte นักวิทยาศาสตร์ชาวสเปน อาจกลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ไขความลับของการยืดอายุและย้อนวัยในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นคนแรก หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในการย้อนวัยและยืดอายุหนูทดลอง

เขาได้นำหนูทดลองที่เป็นโรคชราในเด็ก (progeria) เนื่องจากยีนส์ผิดปกติ และกลายเป็นหนูชราทั้งที่อายุเพียง 3 เดือน มาผ่านกระบวนการแก้ไขเชิงพันธุกรรม โดยการปรับแต่งสิ่งที่เรียกว่า อีพิเจเนติกส์ (epigenetics) ซึ่งเป็นเสมือนสวิตช์เปิดปิดยีนส์ เพื่อให้เซลล์ในร่างกายของหนูทดลองกลับไปอยู่ในสภาวะคล้ายเซลล์เกิดใหม่อีกครั้ง  ผลการทดลองปรากฏว่าหนูตัวดังกล่าวที่ชราในตอนแรก เมื่อถูกแก้ไขยีนส์ด้วยวิธีนี้แล้วทำให้กลับมาเยาว์วัยได้อีกครั้ง

งานของนักวิทยาศาสตร์ชาวสเปนคนนี้ เป็นการต่อยอดมาจากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น Shinya Yamanaka ที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ และค้นพบว่าการเพิ่มโปรตีนเพียง 4 ตัวเข้าไปในเซลล์ของมนุษย์ สามารถที่จะทำให้เซลล์โปรแกรมตัวเองใหม่ (reprogram) ให้กลับมาทำงานเหมือนเซลล์ของตัวอ่อน (embryo) ได้  โดยโปรตีนทั้ง 4 ตัวนี้ถูกเรียกว่า “Yamanaka factors”

นาย Balmonte เชื่อว่าหากการทดลองของเขาทำได้สำเร็จ จะทำให้มนุษย์สามารถยืดอายุได้อีก 30-50 ปี  “ผมคิดว่าเด็กที่จะมีอายุได้ถึง 130 ปีได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว” เขากล่าวเสริม

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวนี้ก็ยังมีจุดอ่อนและยังไม่ประสบความสำเร็จ 100%  เนื่องจากหนูทดลองที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้เยาว์วัยลงดังกล่าวนี้ กลับตายลงในเวลาเพียง 3-4 วัน  โดยสาเหตุหลักของการตายมาจากการที่เซลล์และอวัยวะในร่างกายทำงานผิดพลาด หรือไม่ก็เป็นมะเร็งตาย  ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ต้องแก้ไขให้ได้ก่อนที่วิธีการย้อนวัยในระดับยีนส์ดังกล่าวนี้จะสามารถนำมาทดลองในมนุษย์ได้

ที่มา https://www.technologyreview.com/s/614074/scientist-fountain-of-youth-epigenome/?utm_medium=tr_social&utm_campaign=site_visitor.unpaid.engagement&utm_source=Facebook&fbclid=IwAR08l5RJ9O7Pzi7EzFbLzkAj_a1B7oMoe5D9d1NVX9Vqsh-tGIIvufWnqew#Echobox=1567179421