Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘สว.สมชาย’ จี้รัฐบาลเลิกกู้เงินแจก ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ชี้ปม ‘ทักษิณ’ สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง แนะร้อง ศาลรัฐธรรมนูญ-ศาลปกครอง-ป.ป.ช. สอบปมพักโทษ

นายสมชาย แสวงการ สว. อภิปรายว่า นายกฯ หมกมุ่นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ตนวิงวอนมาตลอดว่าให้เลิกโครงการอย่าดันทุรัง เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสี่ยงผิดกฎหมาย นำไปสู่คดีความแน่นอน เม็ดเงินเหล่านี้จะละลายไปกับการแจกและไม่ได้ผล ถ้าเอาเงิน 5 แสนล้านบาท ไปลงทุนโดยไม่แจก จะสร้างผลผลิต และได้ 5 แสนล้านบาทบวกๆ ประเทศไทยไม่ได้มีวิกฤติเศรษฐกิจ หากอยากทำ จะต้องออก พ.ร.ก.เงินกู้ การแจกโดยตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มีตัวอย่างมาแล้ว ที่ญี่ปุ่น เคยทดลองมาแล้ว ใช้ไม่ได้ผล ขอให้เลิกกู้เงินมาใช้ในโครงการ ย้ำดิจิทัลวอลเล็ต สร้างหายนะในอนาคต หากจะเดินโครงการต่อ ตนจะยื่นต่อ ป.ป.ช.ดำเนินคดี

ประชาชนตั้งคำถามเหตุใดค่านิยมรัฐบาลในผลโพลล่าสุด จึงตกต่ำกว่าพรรคฝ่ายค้าน เหตุผลคือประชาชนรอมา 6-7 เดือนว่า จะมีอะไรบ้างที่เป็นรูปธรรม ตนให้คะแนนสอบตกหมดทุกข้อ เพราะยังไม่ได้แก้ปัญหาในเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ถ้ารัฐบาลยังกู้มาแจกแหลก ผลาญ 5 แสนล้านบาท หวังแค่คะแนนเลือกตั้ง ท่านกำลังทำลายประเทศ ดังนั้นท่านควรเปลี่ยน เชื่อว่าท่านจะคิดออก หาทางแก้ปัญหาระยะสั้น แล้วสัญญาว่าอีกกี่วัน กี่เดือนจะเสร็จ

นายสมชาย ยังอภิปรายถึงเรื่องกระบวนการยุติธรรมนั้นว่า วันนี้กระบวนการยุติธรรมประเทศกำลังเสื่อม ขาดความยุติธรรมถึงที่สุด นายกฯ ต้องมีส่วนรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล แต่ปล่อยให้เกิดกระบวนยุติธรรม 2มาตรฐาน บางคนเรียกไร้มาตรฐาน ที่ผ่านมาได้พบระดับอดีตผู้บริหารศาลหลายคน ทุกคนฝากให้แก้ไขกระบวนการยุติธรรมท้ายน้ำที่แม้ศาลจะตัดสินอย่างไร ก็มีกระบวนการลดโทษจากกรมราชทัณฑ์ที่บังคับใช้ไม่เท่าเทียมกับนักโทษทุกคน

โดยเฉพาะกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดูแล้วไม่ใช่ความผิดนายทักษิณ แต่ปัญหาคือ ระบบการบังคับโทษ นายทักษิณได้ไปอยู่โรงพยาบาล ตำรวจห้องวีไอพี (VIP) อ้างว่าป่วย 4โรค ขัดกับภาพที่นายทักษิณ เดินทาง ไป จ.เชียงใหม่ เดินลุกนั่ง ขึ้นรถกอล์ฟ ขึ้นบันไดได้ตามปกติ ดูแข็งแรงดี ไม่รู้หมอ โรงพยาบาลตำรวจรักษาดี หรือนายทักษิณกำลังใจดี ทราบว่า หมอที่รักษาเป็น พล.ต.ท. เกษียณแล้ว ชื่อย่อ “ส” เป็นหมอทางสมอง

ส่วนการอ้างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้เปิดเผยอาการป่วยนั้น มีข้อยกเว้นไม่ให้ใช้บังคับแก่ สส. สว. และกรรมาธิการ (กมธ.) ที่เก็บรวบรวมข้อมูลตามอำนาจหน้าที่ กรณีนี้ กมธ. จึงมีอำนาจเรียกเอกสารได้ ขณะที่การอ้างว่า มีผู้ป่วยได้รับการไปรักษาตัวนอกเรือนจำจำนวนมากนั้น ข้อมูลที่ กมธ. ได้รับจากกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – 25 ธันวาคม 2566 มีนักโทษที่เป็นผู้ป่วยไปรักษาตัวภายนอก เกิน 30 วัน 100 คน เกิน 60 วัน 30 คน เกิน 120 วัน 3 คน ซึ่ง 1 ในนั้นคือ นายทักษิณ ก็ไม่รู้ใครโกหก

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ยิ่งไปดูกฎกระทรวงที่มีการแก้ไข มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องสถานที่คุมขัง และอายุ จากเดิม ระบุต้องได้รับโทษมา 1 ใน 3 และอายุเกิน 70 ปี มีโรคประจำตัว มีการแก้ไขจากคำว่า “และ” เป็น “หรือ” ทำให้คนอายุ 70 ปี ไม่ว่าจะโกงชาติบ้านเมืองหรือไม่ สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เรื่องนี้สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง วันใดเกิดวิกฤติศรัทธาจะนำมาซึ่งสึนามิ แก้ไขยาก ตนขอเสนอให้ดำเนินคดีต่อกรณีนี้ 3 ทาง คือ

1. ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดหลักนิติธรรม เป็นที่สงสัยขัดกับการอภัยลดโทษหรือไม่ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง มีคำสั่งให้นายทักษิณ กลับเข้าสู่กระบวนการรับโทษ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่านายทักษิณ ได้รับการรับโทษแล้ว

2. ร้องศาลปกครอง ให้เพิกถอนคำสั่งการให้นายทักษิณ เข้ารับการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจและคำสั่งพักโทษ เป็นคำสั่งมิชอบ

3. การร้องต่อ ป.ป.ช. เอาผิดนายกฯ รมว.ยุติธรรม และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ

‘พ.ต.อ.ทวี’ เผยรู้สึกเสียใจถูกข้อกล่าวหาทำลายกระบวนการยุติธรรม

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงกรณีที่ถูกอภิปรายเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ไม่เท่าเทียมกันว่า ส่วนตัวเลือกที่จะทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ระหว่างบุญคุณกับการทำตามกฎหมาย ตนเลือกที่จะทำตามกฎหมาย ส่วนกฎหมายกับความถูกต้อง แม้อาจจะไม่ไปด้วยกันแต่ต้องแก้ไปด้วยกัน ระบบอุปถัมภ์และระบบคุณธรรม เลือกระบบคุณธรรม ยืนยันว่าในการทำหน้าที่ไม่เคยได้รับการสั่งการจากนายทักษิณ ในสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายและคุณธรรม

ย้ำการกลับเข้ามารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม ในวันที่ 22 ส.ค. 66 ขณะนั้นอยู่ในยุครัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.ยุติธรรม ขณะนั้น คือ นายวิษณุ เครืองาม รวมถึงข้าราชการประจำ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครยังเป็นชุดเดียวกัน ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ไม่ได้สั่งปรับเปลี่ยนใคร รู้สึกเสียใจที่ได้ยินข้อกล่าวหาดังกล่าว

“ที่นายถวิล (สว.ถวิล เปลี่ยนศรี) กล่าวหาว่า ผมทำลายกระบวนการยุติธรรม ท่านคิดหรือว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผมจะไปสั่งการท่านได้ ท่านนายกฯ ทักษิณ จะเข้ามาในประเทศ และต้องไปโรงพยาบาลทันที ท่านคิดหรือว่าผมจะไปสั่งการ หรือนายกฯเศรษฐาจะไปสั่งการนายวิษณุได้ ซึ่งขณะนั้นก็ยังไม่ทราบว่า พรรคประชาชาติจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ อยากให้ความเป็นธรรมสักนิดในการเก็บข้อเท็จจริง ผมว่าการทำลายระบบยุติธรรม คือการยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ตนเข้ารับตำแหน่งรมว.ยุติธรรม ในวันที่ 11 ก.ย. 66 หลังจากที่นายทักษิณเข้าไปรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมหยิบระเบียบและกฎหมายราชทัณฑ์มาชี้แจง ซึ่งได้พิจารณาและปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับนโยบายอาญาของประเทศ จากเดิมใช้ทฤษฎี “แก้แค้น ทดแทน ข่มขวัญ ยับยั้ง” แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นการใช้ทฤษฎี “ฟื้นฟู” ซึ่งเมื่อมีการแก้ไขกฎหมายมาแล้วในราชการไม่ได้มีอำนาจแก้ไข ส่วนการกำหนดโทษเป็นอำนาจศาล แต่การบริหารโทษเป็นไปตามกฎหมายราชราชทัณฑ์ และปัจจุบันด้วยนักโทษล้นคุก กว่า 200,000 คน และได้พิจารณาว่าการไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่ชั้น 14 ซึ่งเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่มีมาก่อนอยู่แล้ว และสาเหตุหนึ่งคือเรื่องของทางการแพทย์ลงพยาบาลราชทัณฑ์ยังไม่มีความพร้อมรองรับ อีกทั้งโรงพยาบาลก็ถือเป็นสถานที่คุมขังอื่นตามที่ระเบียบกำหนดไว้ และตามกฎหมายใหม่การคุมขังไม่ต้องอยู่ในเรือนจำ

“อดีตนายกฯ ทักษิณได้ถูกจำคุกแต่อยู่ในสถานที่คุมขังอื่น ซึ่งไม่ได้มีท่านคนเดียว ยังมีบุคคลอื่น จากตัวเลขที่อ้างอิง 4-5 หมื่นคน แต่กรณีที่เกิน 120 วัน ตัวเลขไม่มาก” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

รมว.ยุติธรรม ชี้แจงเรื่องการพักโทษว่า กรมราชทัณฑ์หรือรมว.ยุติธรรม ไม่ได้มีอำนาจที่จะพักโทษใคร แต่เป็นอำนาจของคณะกรรมการพักโทษ ซึ่งมีการพิจารณาทุกเดือนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่มีมาก่อนแล้ว และกรณีของนายทักษิณนั้นทางผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข มีความเห็นว่าเป็นกรณีเข้าหลักเกณฑ์ผู้สูงอายุ และเหลือโทษไม่มากนัก ช่วยตัวเองได้ไม่ดีพอ ขณะเดียวกันผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เห็นด้วย และเห็นว่า โรงพยาบาลเป็นสถานที่ควบคุมเช่นกันตามกฎหมาย และชี้แจงว่า ข้อมูลของผู้ป่วยเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งหากวุฒิสภาเห็นว่ากฎหมายมีปัญหาก็พร้อมที่จะแก้ไข ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ระบบการคิดของเรือนจำสมัยใหม่ ไม่ได้เอาไปแก้แค้น คุกไม่ได้มีไว้ขังคนเท่านั้น มีไว้ให้ออกด้วย แต่การจะออกจากเรือนจำต้องมีการพัฒนาพฤตินิสัย

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า