SHARE

คัดลอกแล้ว

ในบรรดาซีรี่ส์เกาหลีที่ออกอากาศอยู่ตอนนี้ คงไม่มีเรื่องไหนได้รับการพูดถึงมากเท่า It’s Okay Not to Be Okay อีกแล้ว เหตุผลสำคัญเพราะนอกจากเนื้อหาของเรื่องจะให้กำลังใจผู้คนที่กำลังมีปัญหา กำลังมีสภาพจิตใจบอบช้ำ เสน่ห์ของนักแสดงนำยังตรึงคนดูให้ละสายตาไม่ได้อย่างอยู่หมัด โดยเฉพาะ โกมุนยอง ตัวละครนักแต่งนิทานสำหรับเด็กผู้เย่อหยิ่งจองหองและดูไม่น่าคบหา แต่ด้วยการแสดงของ ซอเยจี เธอสามารถถ่ายทอดบทที่มีความซับซ้อนนี้ได้อย่างไร้ที่ติ ชวนให้อยากเอาใจช่วยตัวละครไปตลอดรอดฝั่ง

ซอเยจี ถือเป็นชื่อที่แวดวงบันเทิงเกาหลีคุ้นหูคุ้นตากันดีมาตั้งแต่ปี 2013 เมื่อเธอเข้าสู่วงการจากการถ่ายแบบโฆษณา แม้จริงๆ แล้วเธอไม่เคยฝันว่าอยากเป็นนักแสดงมาก่อน เพราะความฝันหลักของเธอคือการเป็นผู้ประกาศข่าว แต่หลังจากจับพลัดจับผลูออกหน้ากล้อง ก็เตะตาผู้สร้างซีรี่ส์โทรทัศน์จำนวนมากเข้าทันที และมีผลงานออกมาให้ติดตามกันไม่เว้นแต่ละปี

สำหรับผลงานการแสดงของ ซอเยจี แทบทุกเรื่องต่างควรแก่การรับชม แต่อาจเรียกได้ว่า 5 เรื่องนี้คือซีรี่ส์/หนังที่ห้ามพลาดจริงๆ หากใครอยากเป็นแฟนตัวยงของเธอ และเมื่อดูแล้ว มั่นใจได้ว่าจะยิ่งตกหลุมรักในความสามารถ ความทุ่มเท และความสดใสซาบซ่าของเธอยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

  1. Potato Star 2013QR3 (2013-2014)

ผลงานแรกของ ซอเยจี ในแวดวงบันเทิงเกาหลีอาจเป็นการถ่ายโฆษณาแบรนด์ผู้ให้บริการโทรคมนาคมไร้สายของเกาหลีใต้ SK Telecom แต่ถ้านับงานแสดงแรกในหนังหรือซีรี่ส์ของเธอจริงๆ จะเป็นซีรี่ส์แนวซิทคอมความยาว 120 ตอนเรื่อง Potato Star 2013QR3 ว่าด้วยเหล่ามนุษย์ท่าทางบ๊องๆ ใช้ชีวิตแต่ละวันตามปกติเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่ชีวิตกำลังจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่ออุกกาบาตรหน้าตาเหมือนหัวมันกำลังจะพุ่งชนโลก

ในเรื่องนี้ ซอเยจี รับบทเป็น โนซูยอง ตัวละครสาวสวยแห่งครอบครัวโน ผู้แซ่บซ่าและบ้าบอ เธอได้เล่นเรื่องนี้หลังจากมีแมวมองหลงเสน่ห์เธอเข้าอย่างจัง หลังพบเจอเธอช่วงที่กลับมาพักผ่อนจากการศึกษาต่อด้านวารสารศาสตร์ที่ประเทศสเปนพอดี แม้ตอนแรกอาจจะยังกล้าๆ กลัวๆ แต่สุดท้ายก็เธอก็ตัดสินใจลุยด้านการแสดงอย่างเต็มตัว และถือเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

ทั้งนี้ หากถามว่าตัวละครตัวใดที่เธอชื่นชอบที่สุดในอาชีพการเป็นนักแสดง ซอเยจี จะตอบโดยไม่ลังเลเลยว่าเป็นบท โนซูยอง นี่แหละ ด้วยเหตุผลที่ว่าตัวละครตัวนี้มาพร้อมความสดใส และคิดบวกกับชีวิตสุดๆ เป็นบทที่ทำให้เธอได้สัมผัสว่าความสนุกของการเป็นนักแสดงนั้นเป็นเช่นนี้นี่เอง

2. Save Me (2017)

งานแสดงของ ซอเยจี ในช่วงแรกๆ อาจเต็มไปด้วยซีรี่ส์/หนังแนวตลกเบาสมองเป็นหลัก แต่แล้วในปี 2017 เธอตัดสินใจรับบทนำในซีรี่ส์ดราม่าสุดมืดหม่นเรื่อง Save Me พลิกบทบาทและภาพลักษณ์ติดตัวจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยตัวละคร อิมซังมี ของเธอเป็นหญิงสาวอมทุกข์มาจากครอบครัวที่มีปัญหาทางการเงิน แถมยังเผชิญการกลั่นแกล้งสารพัดในโรงเรียนเป็นประจำ ก่อนที่สุดท้ายเธอจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย

ไม่มากไม่น้อยบทนี้อาจถือว่าสาหัสสากรรจ์ที่สุดในชีวิตของเธอ แต่รู้หรือไม่ว่า อิมซังมี ยังเป็นตัวละครที่เธอชอบที่สุดในระดับเดียวกับ โนซูยอง ใน Potato Star 2013QR3 เลยด้วย เหตุผลก็เพราะตัวละครทั้งคู่เป็นด้านที่ตรงกันข้ามกันอย่างสุดขั้ว นั่นคือสดใสสุดและดาร์คสุด ถูกจริตของเธอที่ไม่ชอบอะไรค้างๆ คาๆ ไปไม่สุดด้านไหนสักทาง

สำหรับการเตรียมตัวเพื่อรับบทนำในเรื่องนี้ เธอยังขั้นใช้เทคนิคการแสดงแบบ Method Acting หรือเปลี่ยนตัวเองให้เป็นตัวละครทั้งกายและใจตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ เธอพยายามดำดิ่งและทำความเข้าใจว่า อิมซังมี ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง หนึ่งในเคล็ดลับเพื่อเข้าถึงตัวละครคือ เธอย้ายจากที่พักออกมาอยู่ตัวคนเดียว และะจะฟังเพลงหม่นๆ ทึมๆ ให้รู้สึกเศร้าหมองตลอดเวลา แม้ว่าตามปกติแล้ว ซอเยจี จะชอบทำอะไรคนเดียวเป็นประจำ ไม่ว่าจะดูหนังหรือไปนั่งร้านกาแฟ แต่ความเปลี่ยวเหงาในชีวิตจริงเทียบไม่ได้เลยกับความเปลี่ยวเหงาและอ้างว้างของตัวละครในเรื่อง

แม้ผลลัพธ์ที่ออกมาใน Save Me จะทำให้เธอได้รับคำชมมากมาย แต่ อิมซังมี ก็เล่นงานเธอจนดำดิ่งของจริง และต้องขอเวลาไปปรับจูนตัวเองอยู่พักใหญ่กว่าจะกลับมาคืนจอในอีกหลายเดือนถัดมา

3. Lawless Lawyer (2018)

ตลอดอาชีพการแสดงของ ซอเยจี เวลาได้รับบทเด่นในซีรี่ส์/หนังเรื่องไหนก็ตาม เธอมักจะได้รับบทเป็นผู้หญิงสวย เก่ง และแกร่ง ครบเครื่องในคนๆ เดียวเป็นประจำ และเธอยังได้รับบทดังกล่าวอีกครั้งในซีรี่ส์แนวกฎหมาย Lawless Lawyer เมื่อต้องรับบทเป็น ฮาแจยี ทนายความสาวผู้รักความถูกต้อง ยึดมั่นในกฎหมาย และไม่กลัวการเผชิญหน้าความอยุติธรรม แม้ว่าจะไม่ถูกใจใครก็ตาม 

แต่ผลจากความยึดมั่นของเธอทำให้ไม่เจริญเติบโตในหน้าที่การงานเสียที สุดท้ายต้องมาจับคู่กับ บงซัลพิล (รับบทโดย อีจุนกิ) อดีตนักเลงหัวไม้ที่ผันตัวมาเป็นทนายความหนุ่มสุดแสบ ผู้ปฏิญาณว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะในชั้นศาลให้ได้ ด้วยหลักการที่ต่างกัน ทำให้การจับคู่กันครั้งนี้เหนื่อยกว่าที่เธอคาดคิด แต่หารู้ไม่ว่าเธอกำลังสั่นสะเทือนแวดวงกฎหมายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

หากสังเกตดีๆ จะพบว่า ซอเยจี ตัดผมาวสลวยสวยเก๋ให้สั้นลง ทำให้การแสดงในซีรี่ส์เรื่องนี้แปลกตาไปจากเรื่องก่อนๆ นอกจากนั้น ผลจากการถ่ายทอดบทบาทการเป็นนักกฎหมายผู้ผดุงคุณธรรมได้อย่างดีเยี่ยม ยังเตะตาสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้จนได้รับการแต่งตั้งเป็น “เจ้าหน้าที่ตำรวจกิตติมศักดิ์” ด้วย

4.Warning: Do Not Play (2019)

หนังสยองขวัญที่ออกอากาศไปเมื่อปี 2019 เธอรับบทเป็นผู้กำกับมือใหม่ร้อนวิชา อยากทำหนังสยองขวัญมากๆ จนไปตามหาหนังผีซึ่งมีเบื้องหลังอาถรรพ์ๆ มาดุ แต่ยิ่งคลุกคลีและคิดถึงหนังเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ความสยองขวัญก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในชีวิตและอาชีพการงานของเธอ และกว่าจะรู้ตัวก็แทบจะสายเกินไป

ซอเยจี กลับมารับบทโหด ต้องทรมานทั้งกายและใจอีกครั้ง เธอให้สัมภาษณ์ว่าการเล่นหนังเรื่อง Warning: Do Not Play ทำให้เธอได้แผลฟกช้ำและรอยขีดข่วนติดตัวกลับบ้านแทบทุกวัน และบ่อยครั้งเธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าไปได้มาตอนไหน! 

นอกจากได้แผลติดตัว Warning: Do Not Play ยังเปิดโอกาสให้เธอได้ฝึกทักษะการใช้เสียงด้วย โดยเธอพยายามหัดพูดให้เหมือนว่าผีกำลังเข้าสิง ที่สำคัญคือเธอไม่ได้ใช้เทคโนโลยีช่วยแปลงเสียงในกระบวนการ Post-Production แต่อย่างใด “ฉันลองทำหลายวิธีมากค่ะ ทั้งพยายามพูดช้าๆ ลองพูดโดยเอามือบีบคอตัวเอง ทำเสียงขูดๆ ขีดๆ ตะกุกตะกัก เราบันทึกเสียงในสตูดิโอโดยไม่มีเทคนิคพิเศษช่วยเลยด้วยค่ะ”

ถึงจะทุ่มเทมากเกินร้อย แต่กหนังอาจได้เสียงวิจารณ์ด้านลบพอสมควร ถึงกระนั้นก็ถือเป็นงานที่เธอภาคภูมิใจมากที่ทำออกมาได้เป็นผลสำเร็จ

5.It’s Okay Not to Be Okay (2020)

ผลงานเรื่องล่าสุดของ ซอเยจี ที่หากไม่ดูจะถือว่าพลาดมหันต์ เธอรับบทเป็น โกมุนยอง นักเขียนนิทานสำหรับเด็กผู้มีท่าทางเย่อหยิ่งจองหอง และดูเหมือนจะไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบตัวว่าจะเจ็บช้ำจากคำพูดและการกระทำของเธอหรือไม่ หากเธอต้องการอะไรล่ะก็ เธอจะไม่หยุดจนกว่าจะได้สิ่งนั้นมาครอบครอง (และหนึ่งในนั้นก็คือพระเอกของเรื่องอย่าง มุนคังแท ที่รับบทโดย คิมซูฮยอน) 

ท่ามกลางเปลือกนอกที่ดูแข็งกระด้างและไม่น่าคบหา แต่จริงๆ แล้วเนื้อในของเธอเป็นผู้หญิงที่จิตใจบอบช่้ำ ต้องใช้ชีวิตอย่างเดียวดายอันเนื่องมาจากปัญหาครอบครัว และกำลังรอคอยใครสักคนมาช่วยสมานแผลนั้นให้หายดีตามที่ควรจะเป็น

แม้เรื่องราวอาจดูหม่นหมองชวนตึงเครียด แต่ ซอเยจี ชอบเน้นย้ำกับคนดูว่า นี่เป็นซีรี่ส์ที่จะบำบัดจิตใจที่กำลังบอบช้ำได้อย่างดี “ทุกคนต่างมีแผลในใจแตกต่างกันออกไป แต่ละคนต่างเจ็บปวดรวดร้าวกันคนละแบบ อย่างไรก็ตามหนึ่งในคีย์เวิร์ดของเรื่องคือการเยียวยาความเจ็บปวด ฉันหวังว่าการดูซีรี่ส์เรื่องนี้จะช่วยซ่อมแซมจิตใจของเราไปด้วยกัน หวังว่าเราจะโกรธไปพร้อมกัน เยียวยาไปพร้อมกัน หัวเราะและมีความสุขไปพร้อมๆ กันนะคะ”

หากใครอยากรู้ว่าการแสดงของ ซอเยจี ใน It’s Okay Not to Be Okay ดีงามเพียงใด เสน่ห์ของเธอชวนให้หลงใหลมากน้อยแค่ไหน และเนื้อหาจะช่วยบำบัดความทุกข์ได้ดีเช่นไร สามารถรับชมได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทาง Netflix โดยจะออกอากาศตอนใหม่ทุกคืนวันอาทิตย์และวันจันทร์

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า