“ปัญหาภาวะโลกร้อน” ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัวกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันของเรา เนื่องจากมันไม่ได้สร้างผลกระทบให้เห็นชัดเป็นรูปธรรมในระยะเวลาอันสั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นภัยใกล้ตัวที่คาดไม่ถึง ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นเงาตามตัวเราเลยก็ได้ เพราะหากดูข้อมูลจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลกพบว่า ภาวะโลกร้อนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติจนมีคนเสียชีวิต รวมถึงโรคระบาดชนิดใหม่หรือโรคระบาดที่เคยหายไปจากโลกนี้ ก็กลับมาให้เราเห็นได้

“พี่ปลูกป้อง” สัญลักษณ์ช้างรักษ์ป่า ในโครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect
โครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect” จึงถูกคิดขึ้นมาโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีเป้าหมายสำคัญเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโลกใบนี้ นั้นก็คือการปลูกป่า ซึ่งเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ มีกลไกการดำเนินงานด้วยการระดมทุน สำหรับปลูกต้นไม้ใหม่ ปลูกต้นไม้เสริม และส่งเสริมการดูแลต้นไม้ ร่วมกับภาคีองค์กรเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาแพลตฟอร์ม “SET Social Impact” ส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยริเริ่มโครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect” ถือเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือ (Collaboration Platform) ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการเพิ่มพื้นที่ป่า โดยมีกลไกการดำเนินงานด้วยการระดมทุนในการปลูกต้นไม้ใหม่ ปลูกต้นไม้เสริม และส่งเสริมการดูแลต้นไม้ ร่วมกับภาคีองค์กรเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน มีสัญลักษณ์ช้างรักษ์ป่า “พี่ปลูกป้อง” เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศ พืช สัตว์ สิ่งแวดล้อม และร่วมระดมทุน “ปลูก” ต้นไม้ รวมทั้งเน้นการร่วมดูแลต้นไม้ที่ปลูกให้เติบโตบนหลักการธรรมาภิบาล จนกลายเป็นผืนป่าอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด “ป้อง” กล่าวคือ ผู้ระดมทุนปลูก ร่วมติดตามการเติบโตของต้นไม้ การทำงานของชุมชน การมีส่วนร่วมในการขยายผลเพื่อพัฒนาชุมชน และร่วมดูแลเอาใจใส่ไม้ปลูกให้เติบโตเป็นส่วนสำคัญของการขยายแนวผืนป่าของประเทศ ผ่าน Application “Care the Wild” นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าว
สำหรับพื้นที่ปลูกป่าในโครงการนี้เริ่มนำร่องในพื้นที่ป่าชุมชน 7 จังหวัด รวม 717 ไร่ ประกอบไปด้วย
- ป่าชุมชนบ้านเขาหัวคน จังหวัดราชบุรี จำนวน 10 ไร่
- ป่าชุมชนบ้านพุตูม จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 10 ไร่
- ป่าชุมชนบ้านใหม่ จังหวัดเชียงราย จำนวน 20 ไร่
- ป่าชุมชนบ้านหนองปิง จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 50 ไร่
- ป่าชุมชนบ้านนาหวาย จังหวัดน่าน จำนวน 80 ไร่
- ป่าชุมชนบ้านโคกพลวง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 250 ไร่
- ป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 297 ไร่
ซึ่งแต่ละพื้นที่ของป่าชุมชนจะมีเอกลักษณ์ จุดเด่น ด้านระบบนิเวศและการพัฒนาชุมชนที่แตกต่างกันไป โดยองค์กรธุรกิจสามารถเลือกพื้นที่ในการสนับสนุนการปลูกไม้ได้หลากหลายตามพื้นที่นั้นๆ และยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนเรียนรู้ระบบนิเวศร่วมกับชาวบ้านผู้รักษาป่าไปพร้อมกัน

นายอรรพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“สถานะป่าไม้ในประเทศ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าในประเทศไทยมีจำนวนคงที่ คือ 102 ล้านไร่ หรือร้อยละ 31.5 ของประเทศ หากต้องคงความสมดุลของสิ่งแวดล้อมไว้ ประเทศไทยควรมีพื้นที่ป่า ร้อยละ 40 หรือประมาณ128 ล้านไร่ โดยตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ 12 ได้กำหนดเรื่องพื้นที่สีเขียวในประเทศไทยเพื่อให้เกิดพื้นที่ป่าที่แท้จริง โดยมีมาตรการสำคัญที่เกี่ยวข้องคือ การดูแลรักษาป่าอนุรักษ์ให้คงอยู่ และ การเพิ่มพื้นที่ป่าเศรษฐกิจ ด้วยการส่งเสริมการปลูกป่าภาครัฐ ป่าชุมชน ป่าคทช. และป่าภาคเอกชน ดังนั้นโครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect ที่ดำเนินการโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญในการเพิ่งพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทย” นายอรรพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว
ผู้สนใจสามารถเข้าร่วม โครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect ผ่าน แอปพลิเคชัน ทางโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่มีชื่อว่า “Care the Wild” โดยผู้เข้าร่วม สามารถบริจาคเงินให้กับโครงการนี้ผ่านแอปพลิเคชัน และติดตามการปลูกและดูแลต้นไม้ของท่านได้ตลอดเวลา
หลักการทำงานของโครงการดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้นำหลักธรรมาภิบาล เรื่อง เปิดเผยข้อมูล ติดตาม-เรียนรู้-ดูแลมาใช้กับโครงการนี้ โดยจัดให้มีการตรวจสอบการดำเนินโครงการทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ซึ่งแตกต่างจากโครงการอื่นๆที่ดำเนินการมา โดยผู้เข้าร่วมโครงการสามารถตรวจสอบ ที่มาที่ไปของเงินที่ลงทุนไปได้ทุกขั้นตอน โดยหลังจากมีผู้บริจาคเงินเพื่อปลูกต้นไม้ องค์กรผู้ยื่นแบบความจำนงขอระดมทุนเพื่อปลูกป่าในโครงการ ที่ทำหน้าปลูกต้นไม้จะนำส่งข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของต้นไม้ สถานที่ปลูก วันเดือนปีที่ปลูก รวมถึงมีการรายงานความคืบหน้าของผลการปลูกและการเติบโตของต้นไม้เป็นระยะทุก 6 เดือน โดยผู้บริจาคเงินจะได้รับข้อมูลดังกล่าวผ่านแอปพลิเคชั่น “Care the Wild” นอกจากนี้ยังมีกระบวนการสอบทานจากหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ มอบหมายให้เป็นผู้สำรวจและนำส่งข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้มายังแอปพลิเคชั่นอีกครั้ง
Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect ในระยะแรก มีเป้าหมายปลูกป่าจำนวน 500 ไร่ หรือ 100,000 ต้น ร่วมกับองค์กรธุรกิจพันธมิตรในระยะเวลา 1 ปีแรกหลังเปิดโครงการ โดยคาดการณ์ว่าการปลูกป่าครั้งนี้จะสร้างผลลัพธ์ในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 900,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
องค์กรที่สนใจเข้าร่วมโครงการติดต่อได้ที่ [email protected] ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.setsocialimpact.com สำหรับบุคคลทั่วไปสามารถร่วมปลูกป่าผ่านแอปพลิเคชั่น “Care the Wild” ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android เพื่อติดตามข้อมูลและกิจกรรมได้แล้ววันนี้