ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2567 แกว่งอยู่ในแดนลบมาตลอด จนหลังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ตลาดหุ้นไทยก็ฟื้นกลับขึ้นมาเป็นบวกกว่า 100 จุด ล้างกระดานติดลบไปจนหมด
ซึ่งการที่ดัชนีพลิกมาเป็นบวกแบบนี้นับว่าเป็นข่าวดีที่นักลงทุนรอคอย แต่กลยุทธ์การลงทุนหลังจากนี้จะต้องลงทุนอย่างไรต่อและควรรอหรือขายตอนไหนดี
TODAY Bizview มีโอกาสได้ฟังสัมมนาจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย โดยเป็นมุมมองการลงทุนจาก ‘สรพล วีระเมธีกุล’ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ที่บอกไว้ว่า
ตลาดหุ้นไทยตอนนี้กำลังเปลี่ยนรูปแบบการเล่น จะเห็นได้จากดัชนีที่ปรับขึ้นมากว่า 100 จุด ไม่ได้เจาะจงเฉพาะหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และยังมีเม็ดเงินหรือฟันด์โฟลว์ที่ไหลมาจากหลายๆ ส่วนด้วยกัน
ซึ่งก่อนที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้น เราเริ่มเห็นสัญญาณการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรก่อนแล้วตั้งแต่ในช่วงกรกฎาคม ก่อนที่ฟันด์โฟลว์จะไหลเข้ามายังตลาดหุ้นในที่สุด
และในระยะ 2 เดือนข้างหน้า (กันยายน – ตุลาคม) คาดว่าฟันด์โฟลว์น่าจะยังทยอยไหลเข้ามาอยู่เรื่อยๆ จากความคาดหวังในรัฐบาลชุดใหม่และเม็ดเงินที่ได้จากกองทุนวายุภักดิ์
ซึ่งสิ่งที่ต้องมาดูต่อหลังจากนี้ก็คือ
[ การชะลอตัวของหุ้น Growth ]
แนวโน้มการชะลอตัวของหุ้นเติบโต (Growth) ในกลุ่มหุ้น 7 นางฟ้าของสหรัฐฯ ได้แก่ Apple, Amazon, Alphabet, Meta, Microsoft, Nvidia และ Tesla ในช่วงที่ผ่านมาจุดสังเกตที่สำคัญก็คือจังหวะที่หุ้นกำไรเติบโต หุ้นคุณค่า (Value) จะไม่ค่อยโต
แต่ในขณะที่หุ้น 7 นางฟ้ามีกำไรชะลอตัวลง หุ้นคุณค่ากลับมาเติบโตได้ดีตรงข้ามกัน และในปัจจุบันเห็นได้จากหุ้นคุณค่าหลายๆ ตัวในสหรัฐที่กำลังมีกำไรเพิ่มขึ้นสวนทางกับหุ้น 7 นางฟ้าที่ชะลอตัว และไม่ใช่หุุ้นคุณค่าแค่ในสหรัฐ แต่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยช่นกัน
[ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ]
การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นประเด็นที่ทั่วโลกรอติดตาม เพราะนโยบายของพรรคที่ได้จะส่งผลต่อภาพเศรษฐกิจโลกและการลงทุนในระยะข้างหน้า
เนื่องจากนโยบายจะมีต่อการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งมีผลต่อทิศทางของฟันด์โฟลว์อย่างมาก ดังนั้นนักลงทุนทั่วโลกจึงรอและถือว่านี่เป็นเลือกตั้งครั้งใหญ่แห่งปีเลย
[ ขายเมื่อถึง 1,444 กับ 1,520 จุด ]
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหุ้นไทยจะดูน่าสนุกขึ้น แต่ยังคงต้องเลือกลงทุนในหุ้นปลอดภัย (Defensive) เพราะฉะนั้นเอ็นจอยกับตลาดหุ้นไทยแล้วก็อย่าลืมขายทำกำไรในระยะ 2 เดือนนี้ด้วย
ซึ่งทาง บล.กสิกรไทย ได้ประเมินดัชนีไว้ที่ 1,444 จุด หากถึงจุดนี้ให้ทยอยขายทำกำไรได้เลย ส่วนหากดัชนีวิ่งผ่านไปได้ก็มีโอกาสมีจะไปถึง 1,520 จุดก็ให้ทยอยขยายทำกำไรเช่นกัน
โดยหุ้นไทยที่แนะนำจะเป็นหุ้นปลอดภัย (Defensive) ได้แก่ หุ้นอสังหาฯ (SIRI , AMATA) หุ้นไฟแนนซ์ หุ้นโรงพยาบาล (PR9) และหุ้นท่องเที่ยว (AAV)
ทั้งนี้ หลังจากผ่านช่วง 2 เดือนไปแล้ว ให้ระวังเดือนพฤศจิกายนที่จะมีการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ให้รอติดตามสถานการณ์อีกครั้งว่าแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางไหน และประเมินทิศทางการลงทุนอีกครั้ง