SHARE

คัดลอกแล้ว

‘ก้าวไกล’ ประชุมยาว ปม สส. ‘คุกคามทางเพศ’ ได้ข้อสรุป ผิดจริงทั้ง 2 กรณี ผลลงมติขับ ‘วุฒิพงษ์’ สส.ปราจีนบุรี พ้นพรรค ส่วน ‘ไชยามพวาน’ สส.ฝั่งธน ตัดสิทธิพึงมีและคาดโทษ พร้อมตั้งเงื่อนไข ต้องยอมรับผิด-ขอโทษสังคม-ชดเชยผู้เสียหาย หากไม่ทำ จะประชุมลงโทษอีกครั้ง

(ภาพ เจมส์ วิลสัน/Thai News Pix)

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวภายหลังการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ สส. พรรคก้าวไกล เพื่อพิจารณาความรับผิดกรณีข้อกล่าวหา สส. คุกคามทางเพศ 2 กรณี คือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 และ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กรุงเทพฯ เขต 26 ซึ่งการประชุมเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. ของวันที่ 1 พ.ย. 66 และเสร็จสิ้นกลางดึกหลังเวลา 23.00 น.

นายชัยธวัช กล่าวว่า ความเป็นมาในการเรียกประชุมครั้งนี้ เนื่องจากคณะกรรมการวินัยของพรรคได้พิจารณาทั้งสองกรณีเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นว่า สส. ทั้งสองกรณีที่ถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และได้ส่งความเห็นและมติของกรรมการวินัยมายังคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ต่อมา กก.บห.พรรค ได้พิจารณาข้อเท็จจริงที่มีการสอบอย่างรอบด้าน เห็นว่าทั้งสองกรณี สส. ของพรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง ถือว่าผิดวินัยร้ายแรงของพรรค ถึงขั้นต้องพิจารณาให้พ้นจากสมาชิกพรรค

ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับพรรค การจะขับสมาชิกพรรคที่เป็น สส. ให้พ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค ต้องมีการเรียกประชุม สส. ร่วมกับ กก.บห.พรรค และต้องใช้เสียง 3 ใน 4 ของจำนวน กก.บห. และ สส. ที่มีอยู่ทั้งหมด มิใช่จำนวนที่มาประชุม ซึ่งวันนี้มี สส. และ กก.บห. ร่วมประชุมทั้งสิ้น 128 คน ถือว่าเพียงพอ บางส่วนติดภารกิจที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

สำหรับผลการพิจารณาในที่ประชุมร่วมเห็นตรงกันว่า ทั้ง 2 กรณี มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และถือว่าขัดต่อวินัยของพรรคขั้นร้ายแรง ขัดต่ออุดมการณ์และคุณค่าของพรรค โทษสูงสุดสำหรับกรณีนี้ คือการให้พ้นจากสมาชิกพรรค โทษรองลงมาคือการตัดสิทธิที่พึงมีทั้งหมด และคาดโทษ ตามแต่กรณี

มติจากที่ประชุมออกมาว่า กรณี นายวุฒิพงศ์ ให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ส่วนกรณี นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 จาก 128 เสียง เห็นควรให้ขับออกจากสมาชิกพรรค แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 จึงไม่สามารถมีมติขับออกจากพรรคได้

นายชัยธวัช กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนายไชยามพวาน ที่ประชุมเห็นว่า ควรตัดสิทธิพึงมีและคาดโทษตลอดสมัยประชุม นอกจากนี้ นายไชยามพวาน ต้องออกมายอมรับผิด ขอโทษต่อสังคมและต่อผู้เสียหาย รวมถึงชดเชยเยียวยาตามที่ผู้เสียหายต้องการ แต่หากยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีขอโทษต่อผู้เสียหายและต่อสังคม และไม่ชดเชยเยียวยา ที่ประชุมร่วม กก.บห.พรรค และ สส. จะประชุมกันใหม่ เพื่อขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล

(ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กรุงเทพฯ เขต 26 / ภาพ เจมส์ วิลสัน/Thai News Pix)

ก่อนประชุม นายไชยามพวาน ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรก ได้โค้งคำนับเพื่อขอโทษ ที่ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงล่าช้าพร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

พร้อมระบุว่า หลักฐานเบื้องต้นมีเพียงแชทสนทนาเท่านั้น และยังไม่เห็นหลักฐานอื่นเพิ่มเติม โดยวันนี้จะมาขอเอกสาร หลักฐานเพิ่มเติมจากพรรค เพื่อเตรียมนำไปแถลงชี้แจงเพิ่มเติมต่อในภายหลังที่สำนักงานเขตจอมทอง

นายไชยามพวาน ยังอ้างอิงว่า ขณะนี้มีการร้องเรียนต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงขอพิสูจน์ในชั้น กกต. และเชื่อว่าการเข้าสู่กระบวนการของกกต.จะส่งผลในความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย และเชื่อว่าผู้ร้องเรียนก็จะได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่ได้ และเชื่อว่าจะเป็นทางออกที่ดีของทุกฝ่าย

ทั้งนี้ นายไชยามพวาน ไม่ได้ตอบว่ าหากพรรคมีมติออกมาจะยอมรับหรือไม่กรณีทำผิดวินัยร้ายแรง โดยบอกว่าเป็นส่วนของพรรค และยืนยันส่วนตัวจะไม่ฟ้องร้องผู้ร้องเรียนในฐานะที่เป็นลูกผู้ชาย และสส.

เมื่อถามว่าตอนนี้สังคมเริ่มสับสน ขอให้ไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายไชยามพวาน ย้ำว่าขอให้ได้หลักฐานก่อน เพื่อที่จะได้รับทราบข้อร้องเรียน และจะได้ชี้แจงตามข้อร้องเรียนได้ภายหลัง

พร้อมกับชี้แจงว่า การเข้ากระบวนการยุติธรรมของ กกต. ไม่ได้หมายความว่า กระบวนการของพรรคไม่เป็นกลางหรือไม่เป็นธรรม และไม่ได้ส่งสัญญาณถึงพรรคก้าวไกลว่าให้รอผลการสอบของกตต.

พร้อมมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการดิสเครดิตตน และพรรคก้าวไกล ย้ำอีกว่าไม่ได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้หากท้ายที่สุด กกต. วินิจฉัยแล้วว่าผิด ก็พร้อมที่จะลาออก แต่ไม่ตอบว่าหากวันนี้พรรคมีมติให้ขับออก พร้อมจะน้อมรับหรือไม่

(ภาพ เจมส์ วิลสัน/Thai News Pix)

ขณะที่ พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาเปิดเผยการลงมติของตัวเอง เป็น 1 ในเสียงที่ลงมติขับ นายไชยามพวาน ออกจากพรรค

โดยระบุว่า อย่างที่หลายคนทราบจากแถลงการณ์ของหัวหน้าพรรคเมื่อคืนว่า ในส่วนของข้อกล่าวเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศของ สส. ก้าวไกลใน 2 กรณี กรรมการบริหารพรรคได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่าทั้ง 2 กรณี มีพฤติการณ์ที่คุกคามทางเพศจริง และผิดวินัยร้ายแรงของพรรค โดยเสนอให้ขับพ้นจากสมาชิกพรรค

เมื่อมีข้อเสนอดังกล่าว รัฐธรรมนูญ 2560 ได้กำหนดไว้ว่าการขับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นการลงมติในที่ประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมการบริหารพรรค โดยการลงมตินั้นจะต้องได้รับเสียง 3 ใน 4 ของจำนวน สส. และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ (ไม่ใช่แค่ที่มาประชุม) ซึ่งจะอยู่ที่จำนวน 116 เสียง จาก 154 เสียง

ผลที่ปรากฎจากการลงมติของ สส. และกรรมการบริหารพรรคที่มาร่วมประชุมทั้งหมด 128 คน :

1. กรณี สส. วุฒิพงษ์ ทองเหลา (ปราจีนบุรี)

– 120 คนลงมติให้ขับออก จึงทำให้การขับออกเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากมากกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)

2. กรณี สส. ไชยามพวาน มั่นเพียรจิต (กทม.)

– 106 คนลงมติให้ขับออก จึงทำให้การขับออกยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากน้อยกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)

ผมเข้าใจดีว่า สส. ในที่ประชุมคนแต่ละคนได้อภิปรายและลงมติบนข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่มีการเปิดเผยความเห็นหรือการลงมติรายบุคคล แต่ล่าสุด มีบางเพจที่ได้กล่าวหาว่าผมเป็น 1 ใน สส. ที่ลงมติไม่เห็นชอบกับการขับออกคุณไชยามพวาน รวมถึงกล่าวหาว่าผม “รวบรวมเสียง” ให้คนโหวตไม่เห็นด้วยกับการขับออกเพื่อปกป้อง “พวกพ้อง” เนื่องจากผมรู้จักกับคุณไชยามพวานมาก่อนที่เขาจะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล

ผมถือว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่อยู่บนข้อเท็จจริงและเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงความจริงดังต่อไปนี้

1. ผมยืนยันว่าจุดยืนและการทำงานของผมตลอดที่ผ่านมา ยึดอยู่บนหลักการที่ผมคิดว่าถูกต้องและข้อเท็จจริงเท่านั้นในทุกกรณี ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคนที่ผมรู้จักหรือเคยร่วมงานกันมามากน้อยแค่ไหน

2. แม้ผมไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการวินัยและกรรมการบริหารพรรคที่รับผิดชอบเรื่องการพิจารณาข้อเท็จจริงของทุกข้อร้องเรียนทางวินัย แต่ในฐานะโฆษกพรรค ผมย่อมต้องมีการทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการวินัยในขั้นตอนที่ต้องมีการเตรียมการสื่อสาร – ดังนั้น เมื่อผมทราบว่ามีเรื่องร้องเรียนต่อคุณไชยามพวาน ผมจึงได้ระมัดระวังและเว้นระยะห่างเป็นพิเศษจากกระบวนการทั้งหมดในกรณีนี้ โดยได้แจ้งเหตุผลดังกล่าวต่อประธานกรรมการวินัยพรรค และหลีกเลี่ยงในการแสดงความเห็นใดๆนอกรอบกับ สส. ทุกคนในพรรคที่สอบถามเข้ามา

3. ในที่ประชุมเมื่อวานที่คณะกรรมการวินัยและกรรมการบริหารพรรคได้มีการรายงานข้อเท็จจริงต่อ สส. ทุกคน เพื่อเปิดให้มีกาารอภิปรายความเห็นก่อนจะลงมติ ผมก็ได้ลุกขึ้นอภิปราย โดยมีประเด็นที่สำคัญว่า

– ในมุมมองของผม การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่มีความผิดที่ชัดเจน คือการมีความสัมพันธ์กับทีมงานของตนเอง เพราะไม่ว่าสถานการณ์เฉพาะหน้าดูเหมือนจะมีการยินยอมหรือไม่ แต่ในเมื่อทั้งสองอยู่ใน “ความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน” ที่ฝ่ายหนึ่งสามารถให้คุณให้โทษอีกฝ่ายหนึ่งได้ในหน้าที่การงาน ดังนั้น จึงไม่สามารถถูกตีความได้ว่าเป็น “ความยินยอม” ที่แท้จริง

– หากตระหนักว่ากระทำผิดดังกล่าว ทางออกที่ควรจะเป็นคือการที่ผู้กระทำผิด แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยที่ไม่ต้องรอให้มีกระบวนการวินิจฉัยลงโทษอย่างเป็นทางการ

4. ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงเป็น 1 คนที่ลงมติเห็นด้วยกับการขับออกคุณไชยามพวาน ซึ่งเป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผยที่เพื่อนๆ สส. ทุกคนรับรู้ และเป็นการตัดสินใจบนหลักการและเหตุผลที่ผมยึดถือ

5. ผมขออภัยเพื่อนๆ สส. ที่ผมจำเป็นต้องเปิดเผยการลงมติของตนเองต่อสาธารณะ แต่ผมจำเป็นต้องชี้แจงข้อกล่าวหาที่รุนแรงว่าผมได้ใช้เหตุผลเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวในการลงคะแนนและโน้มน้าวคนอื่นในการลงคะแนน ซึ่งไม่เป็นความจริง และผมเชื่อว่า สส. คนอื่นที่เห็นต่างกับผมและลงมติไม่เห็นด้วยกับการขับออกคุณไชยามพวาน ก็ได้ตัดสินใจบนหลักการและเหตุผลที่เขายึดถือ ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือการ “ปกป้องพวกพ้อง”

ผมเชื่อว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับเหตุผลหรือการตัดสินใจของผม แต่ผมยืนยันว่าทุกการตัดสินใจของผมยึดอยู่บนหลักการที่ผมเชื่อว่าถูกต้อง และเป็นหลักการที่ต้องนำมาใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาค

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า