SHARE

คัดลอกแล้ว

ในช่วงเวลาที่เปลี่ยนผ่าน หลายประเทศทั่วโลกต่างส่งเสียงยินดีให้กับสังคมที่เปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางเพศ แต่ไม่นานมานี้การปรากฏของ นโยบายอนุรักษ์นิยมทางเพศ (Sexual Conservatism) กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับโลกอีกครั้ง เมื่อผู้นำโลกอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาลงนามในคำสั่งพิเศษ (Executive Order) กำหนดให้รัฐบาลกลางยอมรับเพียง 2 เพศทางชีววิทยาคือ ชาย และ หญิง พร้อมกับยกเลิกการใช้ตัวเลือกเพศอื่น ๆ ในเอกสารราชการของรัฐบาลกลางโดยอาศัยเกณฑ์การจำแนกตามเพศกำเนิด นโยบายนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มสร้าง ปรากฏการณ์โดมิโน ที่อาจขยายอิทธิพลไปยังหลายประเทศทั่วโลก และส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+

จากประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีการวิเคราะห์เชิงลึกถึงอิทธิพลของแนวคิดอนุรักษ์นิยมทางเพศ พร้อมกับสำรวจถึงแนวโน้มของโอกาสที่อาจถูกปิดกั้นในอนาคต โดย ผศ.รณภูมิ สามัคคีคารมย์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ และสื่อสารองค์กร คณะสาธารณสุขศาสตร์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะและสิทธิความหลากหลายทางเพศ จะพาไปถอดรหัสปรากฏการณ์นี้ พร้อมฉายภาพถึงอิทธิพลต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มขยายเป็นวงกว้าง

[ อนุรักษ์นิยมทางเพศ อุปสรรคต่อการหยุดพัฒนาในหลากหลายมิติ ]

          ผศ.รณภูมิ กล่าวว่า นโยบายอนุรักษ์นิยมทางเพศของทรัมป์แสดงให้เห็นว่า “เพศ” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของอัตลักษณ์ส่วนบุคคล แต่ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างอำนาจทางการเมือง โดยทรัมป์เน้นย้ำการรักษาโครงสร้างสังคมแบบดั้งเดิม และมองว่าความหลากหลายทางเพศเป็นปัจจัยที่ “ไม่เป็นธรรม” ซึ่งหลังจากคำสั่งพิเศษของทรัมป์ ความอคติทางเพศก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาสังคม และหลายประเทศที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมทางศาสนาและวัฒนธรรม อย่างประเทศไทยเองได้รับอิทธิพลเช่นกัน

“นโยบายที่เน้นการยอมรับเพียงสองเพศทางชีววิทยาและการยกเลิกการสนับสนุนองค์กรที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQ+ ส่งผลให้ หลายประเทศอาจต้องหยุดชะงักในการขับเคลื่อนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเท่าเทียมทางเพศ เช่น ในประเทศไทยที่กำลังผลักดันกฎหมายสำคัญอย่าง กฎหมายคำนำหน้าเพศสภาพ / กฎหมายการปราบปรามการค้าประเวณี / กฎหมายห้ามเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบ นอกจากนี้ ด้านเศรษฐกิจและการคลัง ก็ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการที่ USAID ถูกสั่งให้หยุดการใช้เงินสนับสนุนในทันที ส่งผลให้โครงการต่าง ๆ ที่เคยได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงิน อาทิ องค์กรที่ดูแลและสนับสนุน “บุคคลข้ามเพศ” หรือผู้ที่ทำงานส่งเสริมสิทธิความหลากหลายทางเพศที่ไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มที่อีกต่อไป

ผลกระทบนี้ไม่เพียงแต่สร้างอุปสรรคในการขับเคลื่อนสิทธิทางสังคม แต่ยังอาจทำให้เกิดความเสี่ยงทางสุขภาพในวงกว้าง เช่น การระบาดของโรคบางชนิด ซึ่งก่อนหน้าเคยได้รับการควบคุมผ่านโครงการสุขภาพของภาคประชาสังคม อาจกลับมารุนแรงขึ้นเนื่องจากขาดแคลนทรัพยากรในการป้องกันและให้การรักษา นโยบายเหล่านี้จึงไม่เพียงแต่ปิดกั้นโอกาสในการพัฒนาสิทธิและเสรีภาพ แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงระบบที่ลึกซึ้งต่อโครงสร้างสังคมและสุขภาพของประชากรในระดับโลก มาพร้อมกับกระแสต่อต้านความหลากหลายทางเพศ อาจมีการสร้างบรรยากาศที่เปิดช่องให้เกิดการแสดงออกถึงความเกลียดชัง (Hate Speech) และความรุนแรงทางเพศได้ง่ายขึ้น ซึ่งเกิดความเสี่ยงทางจิตวิทยาสังคมสูง”

[ มองแนวโน้ม “ประเทศไทย” ท่ามกลางแรงกดดันและกระแสโลก ]

ผศ.รณภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสังคมไทย แนวคิดอนุรักษ์นิยมทางเพศไม่ใช่เรื่องใหม่ เรามีแนวคิดอนุรักษ์นิยมฝังรากลึกในทุกเจเนอเรชัน  การที่สหรัฐอเมริกาลงนามในคำสั่งพิเศษฉบับนี้ อาจไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อขบวนการอนุรักษ์นิยมในประเทศไทย แต่มีอิทธิพลทางอ้อมในแง่ของการสร้างบรรยากาศที่เอื้อให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมทางเพศในไทยรู้สึก “กล้า” ออกมาเคลื่อนไหว แสดงความคิดเห็นอย่างแข็งกร้าวมากขึ้น ด้วยกระแสอนุรักษ์นิยมที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายของทรัมป์

“ความเห็นที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องไม่ใช่ความคิดเห็นที่ลดทอน ด้อยค่าความเป็นมนุษย์ สร้างความเกลียดชังบนอคติทางเพศ ที่อาจนำให้เกิดความรุนแรง ซึ่งนำไปสู่การละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนได้ ทุกคนจึงควรช่วยกันเป็นพารามิเตอร์ทางสังคมจับตามอง ไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติทางเพศขึ้นในสังคม”

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีกฎหมายที่สนับสนุนความเท่าเทียมและป้องกันความรุนแรงทางเพศ ซึ่งช่วยคานอำนาจกับกระแสอนุรักษ์นิยมไม่ให้ขยายไปจนสร้างความขัดแย้งอย่างรุนแรงในสังคม นี่จึงเป็นเส้นสมดุลที่ไทยต้องรักษาไว้เพื่อไม่ให้ความแตกต่างทางความคิดเห็นกลายเป็นความขัดแย้งทางสังคมที่ยากจะควบคุม

นอกจากผลกระทบทางจิตวิทยาสังคมแล้ว การเมืองแบบอนุรักษ์นิยมทางเพศของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบันเทิงที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQ+ ในประเทศไทย ในมิติต่าง ๆ

“แม้ว่าไทยจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว LGBTQ+ ทั่วโลก เนื่องจากความเปิดกว้างทางวัฒนธรรมและการต้อนรับที่เป็นมิตร แต่นโยบายนี้อาจสร้างผลกระทบทางอ้อมได้ หนึ่งในนั้นคือการที่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม เดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งแม้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและทำให้การท่องเที่ยวบูม แต่ก็อาจนำพาอคติทางเพศเข้ามาด้วย และนำไปสู่การเลือกปฏิบัติในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแสดงออกเชิงลบต่อคู่รักเพศเดียวกัน หรือแม้แต่เหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศ

ภาครัฐจึงต้องมีมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการออกนโยบายเพื่อสร้างความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ การอบรมเจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้ตระหนักถึงสิทธิของทุกกลุ่ม รวมถึงการสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิดในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังควรเน้นการสร้าง “วัฒนธรรมการยอมรับความแตกต่าง” ในหมู่ประชาชนและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเพิกเฉยต่อปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแค่กระทบต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว แต่ยังอาจส่งผลระยะยาวต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรกับ LGBTQ+ อีกด้วย” ผศ.รณภูมิ ย้ำเตือน

[ อินไซด์โอกาสที่อาจถูกปิดกั้นและเลือนหายไปจากแนวคิดอนุรักษ์นิยมทางเพศในอนาคต ]

ผศ.รณภูมิ ฉายภาพให้เห็นต่อว่า ผลกระทบเชิงลึกของแนวคิดอนุรักษ์นิยมทางเพศที่กำลังแผ่ขยายในหลายมิติ อาจก่อให้เกิด “ปรากฏการณ์โดมิโน” โดยเฉพาะในแง่ของการจำกัดสิทธิและโอกาสของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงการถดถอยของระบบการสนับสนุนด้านสุขภาพและสิทธิมนุษยชน หนึ่งในโอกาสที่อาจถูกปิดกั้นอย่างรุนแรงคือ ระบบการให้บริการของภาคประชาสังคมในด้านสุขภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการสนับสนุนจากทางสหรัฐอเมริกา เช่น การป้องกัน HIV การให้คำปรึกษาในการข้ามเพศ และการเข้าถึงฮอร์โมนสำหรับการข้ามเพศ  การให้บริการด้านสุขภาพขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดภาระของภาครัฐเรื่องการให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน หากเกิดการระงับหรือลดการสนับสนุนจะส่งผลให้โรงพยาบาลและระบบสาธารณสุขต้องเผชิญกับภาระที่ล้นเกิน ในขณะที่บุคคลที่ต้องการบริการเฉพาะทางอาจหันไปหาทางเลือกอื่นที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงหรือถูกล่อลวงด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง นำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพที่รุนแรงขึ้น

ทั้งนี้ ผศ.รณภูมิ เน้นย้ำว่า ประเทศไทยควรยึดจุดยืนและเป้าหมายในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน และการสร้างความสมศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์ จุดยืนควรตั้งอยู่บนหลักการแห่งความยุติธรรมและสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่เพียงการตามกระแสโลกอย่างไร้ทิศทาง ในขณะเดียวกันภาครัฐควรมีบทบาทสำคัญในการให้บริการและช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเลือกปฏิบัติทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ จิตสังคม หรือการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน รวมถึงการออกมาตรการที่คุ้มครองสิทธิของประชาชนอย่างจริงจัง

“แม้ว่า นโยบายอนุรักษ์นิยมทางเพศของทรัมป์ จะสร้างแรงกระเพื่อมในระดับโลก แต่สังคมไทยไม่จำเป็นต้องเดินตามเส้นทางเดียวกัน การยึดถือในคุณค่าแห่งความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จะเป็นหลักชัยสำคัญในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและครอบคลุมสำหรับทุกคน เพราะในโลกที่ความหลากหลายคือพลัง สังคมที่เปิดกว้างและยอมรับความแตกต่าง คือสังคมที่แข็งแกร่งที่สุด” ผศ.รณภูมิ กล่าวทิ้งท้าย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า