SHARE

คัดลอกแล้ว

ความฝันของนักกีฬาอาชีพทุกคนไม่ว่าจะเล่นกีฬาประเภทใดก็ตาม โอลิมปิกเกมส์ ย่อมถือเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่นักกีฬาทุกคนอยากจะมีโอกาสเข้าร่วม และแน่นอนว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่สุดยอดยิ่งกว่า หากสามารถคว้าเหรียญรางวัลมาครอบครองพร้อมกับตำแหน่งสูงสุดบนแท่นโพเดียม

ในทีมยิมนาสติกสหรัฐฯ มีนักกีฬาที่เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของวงการที่ชื่อ ‘ซิมง ไบลส์’ เธอคือเจ้าของสถิติมากมาย เช่นการคว้าถึง 4 เหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงริโอเดอจาเนโร เมื่อปี 2016 ที่ประเทศบราซิล ทำให้เธอกลายเป็นนักกีฬายิมนาสติกหญิงชาวอเมริกันคนแรกที่ทำสำเร็จ เทียบเท่ากับสถิติสูงสุดของโลกที่เคยมีมาสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกในคราวเดียว

จนมาถึงกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว แน่นอนว่าไบลส์ก็ถูกคาดการณ์จากทั้งสื่อและแฟนกีฬายิมนาสติกทั่วโลก ว่านี่เป็นโอกาสที่เธอจะสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้กับทั้งตนเองและทีมชาติสหรัฐฯ

แต่แล้วเรื่องราวที่สร้างแรงสั่นสะเทือนมหาศาลตามมา เพราะเมื่อเริ่มการแข่งขันเพียงแค่วันแรก ไบลส์กลับตัดสินใจถอนตัวออกจากการแข่งขัน ด้วยเหตุผลว่า “สภาพจิตใจที่ไม่พร้อมจะแข่งต่อได้”

จึงเกิดเป็นประเด็นคำถามที่น่าสนใจว่าทำไม ไบลส์จึงตัดสินใจละทิ้งโอกาสในการสร้างตำนานบทใหม่ เพื่อสิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับตัวเธอเอง ย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีต ที่เกี่ยวกับกีฬายิมนาสติกทั้งในแง่มุมการเมืองและธุรกิจ ไปจนถึงเรื่องสำคัญคือการดูแลจิตใจของตนเองในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ยิมนาสติก สัญลักษณ์การแข่งขันนอกสนามระหว่าง สหรัฐ-รัสเซีย

ก่อนอื่นเราจะต้องย้อนอดีตและทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของยิมนาสติก ว่าการแข่งขันในสนามไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อชัยชนะและเหรียญรางวัลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ยิมนาสติกยังสะท้อนถึงอำนาจของประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาลอย่างสหรัฐฯ และรัสเซีย

ในช่วงกลางทศวรรษที่ 20 รัสเซียหรือสหภาพโซเวียตเดิม ได้เล็งเห็นโอกาสที่จะครอบครองความยิ่งใหญ่และผูกขาดการเป็นมหาอำนาจในวงการยิมนาสติกเพราะในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีประเทศชาติตะวันตกไหนแข็งแกร่งพอจะเป็นคู่แข่งด้วยได้

ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเหรียญรางวัลแทบจะทั้งหมดในการแข่งขันกีฬายิมนาสติกอยู่ในการครอบครองของสหภาพโซเวียต ทำให้ประเทศมหาอำนาจฝั่งตะวันตกอย่างสหรัฐฯ เริ่มสนใจที่จะสนับสนุนและพัฒนานักกีฬาเพื่อมาแข่งขันกับฝั่งโซเวียต

และการแข่งขันภายในสนามก็ได้ดำเนินควบคู่ไปพร้อมๆกับสงครามเย็นนอกสนาม เมื่อสหรัฐฯ และอีก 65 ประเทศทั่วโลก ประกาศบอยคอตสหภาพโซเวียตฯ จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเนื่องจากการแทรกแซงประเทศอัฟกานิสถานในช่วงปี 1980 ทำให้สหภาพโซเวียตฯ ตอบโต้โดยการบอยคอต ไม่ลงแข่งขันโอลิมปิกที่ลอสแอนเจลิส ในปี 1984 แทน

จากเหตุการณ์นี้ได้เปิดโอกาสให้สหรัฐฯ คว้าเหรียญทองแรกจากกีฬายิมนาสติกประเภททีมชายได้สำเร็จ รวมไปถึงการที่ แมรี ลู เรตตัน (Marry Lou Retton) สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันยิมนาสติกประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์ ทำให้หลังจากนั้นเป็นต้นมา จึงมีการขับเคี่ยวกันระหว่างทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่องในเรื่องความสำเร็จและจำนวนรวมเหรียญรางวัล

นี่จึงเป็นที่มาและจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองประเทศใช้กีฬายิมนาสติกเป็นตัวแทนในการแสดงถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ผ่านเวทีกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิกเกมส์จนถึงปัจจุบัน

การล่วงละเมิดทางเพศ เงามืดที่ซ่อนอยู่หลังฉากแห่งความสำเร็จ

หลังจากที่สหรัฐฯได้ให้ความสำคัญในการแข่งขันกีฬายิมนาสติกกับรัสเซีย ประกอบกับความสำเร็จในการแข่งขันโอลิมปิกอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1984 ทำให้ยิมนาสติกกลายเป็นอีกหนึ่งกีฬายอดนิยมของประเทศไปโดยปริยาย

ข้อมูลสำรวจในปี 2019 พบว่ามีจำนวนนักกีฬายิมนาสติกทั่วสหรัฐฯ กว่า 4.7 ล้านคน และมีจำนวนเกือบ 100,000 คนที่ถูกฝึกฝนภายใต้โปรแกรมการฝึกสอนของสมาคมกีฬายิมนาสติกสหรัฐฯ และจากจำนวนผู้เล่นมหาศาลจะมีเพียงไม่ถึง 10 คนที่จะได้รับเลือกให้เข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งถือเป็นเกียรติยศอันสูงสุด

ความนิยมดังกล่าวนำมาซึ่งการสนับสนุนอย่างมหาศาลจากสปอนเซอร์แบรนด์ดังต่างๆ ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Under Amour, AT&T, P&G, Kellogg และ Hershey มูลค่ารวมสปอนเซอร์ทั้งหมดที่สมาคมยิมนาสติกได้รับจากข้อมูลในปี 2016 นั้นมีมูลค่ามากถึง 34.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1,100 ล้านบาท)

ตัวซูเปอร์สตาร์อย่างไบลส์ ก็มีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากกว่า 6 ล้านคนใน สามารถสร้างรายได้สูงถึง 100,000 – 200,000 เหรียญ ต่อการโฆษณาแบรนด์สินค้าหนึ่งครั้งผ่านทางไอจี

ระหว่างที่วงการยิมนาสติกกำลังเฟื่องฟูอย่างสุดขีดทั้งในแง่ของความสำเร็จของเหรียญรางวัล รวมไปถึงผู้สนับสนุนที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มันกลับมาบดบังเรื่องราวอื้อฉาวหลังฉากที่รุนแรงที่สุด เท่าที่วงการยิมนาสติกเคยมีมา นั่นก็คือ ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศกับนักกีฬาโดยเฉพาะในกลุ่มนักกีฬาวัยรุ่นอายุน้อย

การฝึกยิมนาสติกจะต้องเริ่มจากนักกีฬาที่มีอายุน้อยตั้งแต่ 5 ขวบ ประกอบกับการที่นักกีฬาต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเป็นเวลาต่อเนื่อง แข่งขันทั้งในและต่างประเทศ ทำให้นักกีฬาประสบปัญหากับอาการบาดเจ็บที่แตกต่างกันไปทั้งระดับเล็กน้อยจนถึงขั้นต้องรับการผ่าตัดเลยด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้แพทย์ประจำทีมจึงถือเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับการพัฒนานักกีฬาและสามารถนำพาชัยชนะมาสู่ทีมได้ โดยในทีมชาติสหรัฐฯ มีแพทย์หนึ่งคนที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมากในการรักษาอาการบาดเจ็บสำหรับนักกีฬานั่นก็คือ ‘แลร์รี่ นาสซาร์’

นาสซาร์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ทำงานกับทีมยิมนาสติกหญิงของสหรัฐฯ มายาวนานถึง 29 ปี นับตั้งแต่ปี 1986 เขาถือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมยิมนาสติกหญิง และมีภาพลักษณ์หน้าฉากที่ดูน่าเชื่อถือจากการที่คอยอัพเดทความรู้และวีดีโอเกี่ยวกับการรักษานักกีฬาในเคสต่างๆ เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้กับแพทย์และนักกายภาพบำบัดคนอื่นๆอย่างต่อเนื่อง

เส้นทางอาชีพและความมั่นคงของนาสซาร์ดูเหมือนจะเป็นไปได้สวย กระทั่งได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่พลิกโฉมวงการยิมนาสติกหญิงไปตลอดกาลในปี 2016 เมื่อสำนักข่าว อินเดียนาโพลิส สตาร์ ได้เปิดประเด็นนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อนักกีฬายิมนาสติกหญิงสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดการขุดคุ้ยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

โดยจุดเริ่มของเรื่องราวมาจากในช่วงเดือน มิถุนายน 2015 เมื่อนักยิมนาสติกหญิง ‘แม็กกี้ นิโคลส์’ ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬาที่มีฝีมือยอดเยี่ยมและเป็นรองเพียงแค่ ซิมง ไบลส์ ได้แจ้งต่อทีมงานและหัวหน้าผู้ฝึกสอนว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศระหว่างการรักษากับ นาสซาร์

แทนที่ทางสมาคมจะรีบดำเนินการเพื่อส่งเรื่องราวต่างๆ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าสู่การสอบสวนข้อเท็จจริง อดีตผู้บริหารและประธานสมาคมยิมนาสติกในเวลานั้นอย่าง สตีฟ เพนนี กลับเลือกที่จะปล่อยผ่านและเก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้นไว้ในสมาคม เพียงเพราะห่วงชื่อเสียงของสมาคมมากกว่าความรู้สึกของนักกีฬาที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งๆ ที่เหล่านักกีฬาเหล่านี้ ก็คือคนที่สร้างชื่อเสียงให้สมาคมนั่นแหละ

ผลกระทบดังกล่าวทำให้ นิโคลส์ ซึ่งมีผลงานดีในระดับที่น่าจะติดทีมไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่ริโอ กลับถูกตัดชื่อออกจากการคัดเลือกครั้งสุดท้าย ทำให้เธอตัดสินใจหันหลังให้ทีมชาติและไปแข่งขันในระดับมหาวิทยาลัยเพียงอย่างเดียว ท่ามกลางคำครหาว่าการตัดชื่อครั้งนี้เป็นเพราะเธอออกมาแฉวงการยิมนาสติกของสหรัฐฯ

การนำเสนอข่าวจากอินเดียนาโพลิส สตาร์ ได้กรุยทางให้นักกีฬาระดับทีมชาติอีกหลายรายที่กล้าออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวการล่วงละเมิดทางเพศของนาสซาร์ ที่ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงที่เป็นข่าว แต่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ก่อนปี 2000 และมีผู้เสียหายและตกเป็นเหยื่อมากกว่า 150 ราย ทำให้นาสซาร์ถูกจับกุมในเวลาต่อมาพร้อมกับหลักฐานที่มัดตัวเขาอย่างแน่นหนาด้วยภาพถ่ายอนาจารของนักกีฬามากกว่าถึง 37,000 รูป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนำมาสู่การลาออกของสตีฟ เพนนี ประธานสมาคมและคณะกรรมการยกชุด รวมไปถึงการตัดสินใจถอนสปอนเซอร์ก่อนครบกำหนดของแบรนด์ทั้ง Under Amor, P&G และ Hershey

ในปี 2018 หลังมีการไต่สวนพิจาณาคดีและหลักฐาน นาสซาร์ถูกตั้งข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำให้เขาต้องรับโทษจำคุกมากถึง 40-125 ปี และหลังจากนั้นไม่นาน สตีฟ เพนนี ก็ถูกจับกุมในเวลาต่อมาจากความพยายามปกปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงขั้นที่ว่าเคยพยายามติดสินบนโดยเสนอตำแหน่งหน้าที่ให้กับ FBI ที่ต้องทำคดีที่เกี่ยวข้อง

โอลิมปิกที่โตเกียว การดูแลจิตใจ ความสำคัญเหนือกว่าเหรียญรางวัลใดๆ บนโลก

กลับมาที่ไบลส์ หลังจากข่าวการล่วงละเมิดถูกนำเสนอออกไป ไบลส์ก็ได้เผยว่าเคยตกเป็นเหยื่อในเหตุการณ์เหล่านี้เช่นกัน เธอได้แสดงความรู้สึกบนทวิตเตอร์ภายใต้ #metoo (ฉันก็ด้วย) พร้อมภาพข้อความที่บรรยายความรู้สึกยากลำบากที่ต้องพยายามจะผ่านพ้นเรื่องราวนี้ไปให้ได้ ระหว่างที่ต้องเตรียมพร้อมในการแข่งโอลิมปิก 2020 ที่กำลังจะมาถึง
เพราะนอกจากเรื่องคดีของนาสซาร์ ยังรวมไปถึงปัญหาอื่นๆ ในครอบครัว จากการที่น้องชายของไบลส์ถูกตำรวจจับกุมจากข้อหาฆาตกรรมช่วงเดือน สิงหาคม 2019

ประกอบกับการที่มีสปอร์ตไลท์แห่งความคาดหวัง ว่าไบลส์จะช่วยสหรัฐฯ ป้องกันเหรียญทองในโอลิมปิก 2020 ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อเธอ เมื่อเธอเริ่มทำการแข่งขันชิงเหรียญทองยิมนาสติกประเภททีมหญิง ไบลส์ซึ่งเริ่มต้นด้วยการแข่งขันม้ากระโดดทำคะแนนได้อย่างย่ำแย่ต่ำกว่ามาตรฐานของทีม

ส่งผลให้หลังจากนั้นไม่นานเธอได้ตัดสินใจแจ้งต่อทีมว่า เธอขอถอนตัวจากแข่งขันด้วยเหตุผลว่า สภาพจิตใจของเธอ ไม่พร้อมที่จะแข่งต่อไปได้ ผลการแข่งขันทีมสหรัฐฯ ทำได้แค่เหรียญเงิน และถูกรัสเซียปาดหน้าคว้าเหรียญทองไปอย่างเจ็บปวด

การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากคอลัมนิสต์และนักวิจารณ์ทันทีว่า ไบลส์อ่อนแอเกินไปรวมถึงขาดความกล้าหาญที่จะเป็นตัวแทนประเทศชาติ

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ไบลส์เองก็ได้รับกำลังใจที่ล้นหลามยิ่งกว่าจากทั้งแฟนๆ กีฬา เพื่อนร่วมทีม เพื่อนร่วมอาชีพ แม้กระทั่งสปอนเซอร์ส่วนตัวของเธอเองก็ได้ออกแถลงการณ์เพื่อสนับสนุนและยืนเคียงข้างการตัดสินใจของไบลส์เช่นกัน

ซึ่งเธอได้แสดงออกด้วยความซาบซึ้งและขอบคุณทุกกำลังใจ เธอได้โพสต์ลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวที่มีใจความสำคัญว่า “จากความรักและกำลังใจอันท่วมท้นที่ฉันได้รับ ทำให้ฉันค้นพบว่า ชีวิตฉันมีค่าเหนือกว่ารางวัลและความสำเร็จใดๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน”

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ในยุคปัจจุบันวงการกีฬาส่วนใหญ่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพจิตใจของนักกีฬา มากกว่าความสำเร็จหรือเหรียญรางวัลใดๆ ถือเป็นพัฒนาการและหมุดหมายสำคัญของวงการกีฬาที่หาได้ยากในยุคก่อนๆ

และยังได้สร้างคำถามที่สำคัญที่สะท้อนไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการกีฬาทั้งโค้ช สมาคม แฟนกีฬา ว่าแท้จริงแล้วราคาของเหรียญรางวัลนั้น คุ้มหรือไม่หากต้องแลกมาด้วยหัวใจที่แหลกสลายของผู้เข้าแข่งขัน

เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราให้ความสำคัญกับความสำเร็จหรือการสู้เพื่อเหรียญรางวัลมากไป จิตใจที่ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรจากแก้วใสเปราะบาง ที่พร้อมจะแตกสลายในท้ายที่สุด

อ้างอิง
https://www.businessinsider.com/simone-biles-sponsors-support-gymnast-pulled-out-some-olympic-competitions-2021-7
https://www.latimes.com/business/story/2021-07-26/simone-biles-and-endorsements
https://www.latimes.com/politics/story/2021-07-14/justice-department-inspector-general-nassar-investigation
สารคดี Netflix ‘Athlete A’
https://www.livestrong.com/article/13764418-gymnastics-statistics/

https://usagym.org/pages/athletes/athleteListDetail.html?id=164887

https://www.espn.com/olympics/gymnastics/story/_/id/21778336/under-armour-hersheys-procter-gamble-ending-sponsorship-contracts-usa-gymnastics

https://www.chicagotribune.com/sports/olympics/ct-larry-nassar-sponsors-flee-usa-gymnastics-20180125-story.html
https://www.elle.com/culture/celebrities/a36943820/simone-biles-sexual-abuse-usa-gymnastics/

https://www.nationalgeographic.com/history/article/how-gymnastics-became-a-deeply-beloved-olympic-sport

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า