วันที่ 27 มึ.ค. หนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์รายงานว่า สิงคโปร์ หนึ่งในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก ประกาศบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับและจำคุก
กฎหมายฉบับใหม่ของสิงคโปร์เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เวลา 23.59 น.ของวันที่ 26 มีค. ในขณะที่สิงคโปร์จำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
สิงคโปร์ได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติในการดำเนินมาตรการการป้องกันการระบาดที่รวดเร็ว ที่รวมถึงการใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและการใช้กล้องวงจรปิดในการตรวจหาผู้ที่อาจติดเชื้อ
นอกจากนั้น ในสัปดาห์นี้สิงคโปร์ยังประกาศมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด เช่นการปิดบาร์ จำกัดการรวมกลุ่มที่ไม่ใช่ในสถานที่ทำงานและโรงเรียนไม่เกิน 10 คน และยกเลิกการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่
ภายใต้กฎหมายควบคุมโรคติดเชื้อของกระทรวงสาธารณสุข บุคคลใดก็ตามที่มีเจตนานั่งใกล้กับอีกบุคคลหนึ่งในระยะต่ำกว่า 1 เมตร ในสถานที่สาธารณะ หรือนั่งเก้าอี้ที่ถูกกำหนดให้ห้ามนั่ง หรือผู้ที่ยืนเข้าแถวห่างจากผู้อื่นน้อยกว่า 1 เมตร จะถูกปรับเป็นเงิน 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 220,000 บาท จำคุก 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยกฎหมายฉบับนี้จะบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้ และบังคับใช้ทั้งต่อตัวบุคคลและธุรกิจต่างๆ
สิงคโปร์ยืนยันการพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกเมื่อวันที่ 23 ม.ค. และทางการสามารถควบคุมการระบาดครั้งใหญ่จากจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการตรวจคัดกรองเชื้อ การติดตามตัวผู้ติดเชื้อ และมาตรการกักตัวที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสิงคโปร์กำลังเผชิญคลื่นการระบาดระลอกที่สองเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย
เมื่อวันที่ 26 มึ.ค. สิงคโปร์ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 52 ราย โดย 28 รายเดินทางมาจากต่างประเทศ หลายคนมีประวัติการเดินทางไปยังยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และพื้นที่ต่างๆ ในเอเชีย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 683 คน และผู้เสียชีวิต 2 ราย