หากจะกล่าวถึงประเทศที่มีความมั่นคงด้านการเงินในภูมิภาคเอเชียคงหนีไม่พ้น ‘ฮ่องกง’ และ‘สิงคโปร์’ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ‘ฮ่องกง’ เริ่มสะดุดจากกลุ่มนักลงทุนและนายธนาคารใหญ่เกิดความกังวลใจเกี่ยวกับความตึงเครียดกับสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ฮ่องกงกลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีข้อจำกัด
ประกอบกับวิกฤตธุรกิจและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จากจีนแผ่นดินใหญ่ส่งผลกระทบเข้าสู่ฮ่องกง จนสร้างผลกระทบให้บางธนาคารในฮ่องกงได้เลิกจ้างพนักงานไปมากพอสมควร
โดยเรื่องราวเหล่านี้ก็ส่งผลให้สิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความอิสระทางการเงินสูง ประกอบกับนโยบายภาษีที่ดึงดูดให้ใคร ๆ ต่างก็อยากใช้บริการด้านการเงินในสิงคโปร์มากขึ้น
เห็นได้จาก Ray Dalio มหาเศรษฐีระดับโลกที่ได้นำสินทรัพย์และกองทุนต่าง ๆ ของตนเข้ามาสู่สิงคโปร์ รวมถึงมหาเศรษฐี Steve Cohen เจ้าของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Point72 Asset Management เพิ่มพนักงานในสิงคโปร์มากถึง 50% และสินทรัพย์กองทุนเฮดจ์ฟันด์เพิ่มขึ้น 30% ในช่วงปี 2021เป็น 257 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็น 191 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
ทำให้ใคร ๆ ต่างก็พูดกันว่า ‘สิงคโปร์’ เปรียบเสมือน ‘สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย’ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าสวิตเซอร์แลนด์ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความมั่นคงสูงและปลอดภัยสูง ซึ่งสิงคโปร์กำลังจะก้าวไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Boston Consulting Group คาดการณ์ว่าสิงคโปร์จะเห็นความมั่งคั่งจากต่างชาติที่เข้ามาเพิ่มขึ้น 9% ในอีก 5 ปีข้างหน้า และสิงคโปร์ยังมีหลาย ๆ ปัจจัย เช่น เสถียรภาพทางการเมืองและแรงงานที่มีการศึกษาสูง และมีอัตราภาษีเงินได้ต่ำ การเก็บภาษีกำไรหรือภาษีมรดกเป็นศูนย์ ซึ่งสามารถจูงใจบริษัทข้ามชาติให้เข้าสู่เอเชียและก่อตั้งในสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์นั่นเอง
และ Piyush Gupta ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ DBS Group Holdings Ltd. ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์คาดการณ์ว่า “สิงคโปร์ยังคงได้รับประโยชน์จากการเป็นที่หลบภัยของมหาเศรษฐี หลังจากที่ประเทศต่าง ๆ มีมาตรการดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับสิงคโปร์มีระบบการเงินที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังสามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่างตะวันออกและตะวันตกอีกด้วย”
ประกอบกับปัญหาในศูนย์กลางทางการเงินอื่น ๆ ทำให้สิงคโปร์ได้เปรียบเป็นพิเศษ เห็นได้จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่สั่นคลอนจากการล่มสลายของ Credit Suisse Group AG ซึ่งส่งผลให้เงินไหลออกจากสวิตเซอร์แลนด์มากถึง 111 พันล้านดอลลาร์ และกลุ่มมหาเศรษฐีที่เป็นลูกค้าเหล่านั้นได้กระจายเงินไปฝากไว้ที่อื่น ๆ รวมถึงสิงคโปร์ด้วยนั่นเอง
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าสิงคโปร์เปรียบเสมือนตู้เซฟที่ปลอดภัยของมหาเศรษฐีและนักลงทุนทั่วโลก เพราะมาตรการจากรัฐบาลที่น่าดึงดูดและดูเหมือนทุก ๆ อย่างล้วนเป็นใจสร้างข้อได้เปรียบให้แก่ประเทศแห่งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว…
ที่มา : https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-10-05/financial-hubs-singapore-rivals-switzerland-but-wall-street-needs-hong-kong?srnd=premium-asia&sref=LQZclhPm