เปิดแผนเชิงรุก หลัง “สิงห์” ซื้อ “ซานตา เฟ่” ต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจอาหารครบวงจร

สิงห์ คอร์เปอเรชั่น หรือ กลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มของเมืองไทย รุกหนัก ! หลังเดินหน้าขยายกลุ่มธุรกิจอาหารในนาม บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด (Food Factors) โดยมี “ปิติ ภิรมย์ภักดี” เป็นแม่ทัพ วางเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตร และเชื่อมต่อช่องทางธุรกิจอาหารสู่ตลาดโลก ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ

ล่าสุดหลังจาก “คุยถูกคอ” กับ เคที เรสทัวรองท์ (KT) เจ้าของกิจการร้านซานตา เฟ่ สเต็ก (Santa fe) และร้านอาหารอีสาน เหม็ง นัวนัว ทาง ฟู้ด แฟคเตอร์ จึงไม่ลังเล ควักเงินลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ในการเข้าร่วมลงทุน เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 88% ซึ่งถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์หลักของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ เพื่อผลักดันกลุ่มธุรกิจอาหารให้เป็น 1 ใน 6 เสาหลักที่สร้างรายได้ โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจอาหาร 4,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปีข้างหน้า

ซึ่ง 6 เสาหลักของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ที่เป็นหัวหอกสร้างการเติบโตขององค์กร หลังมีการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ประกอบด้วย

1. ธุรกิจเบียร์ โซดา และน้ำดื่ม
2. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์บางกอกกล๊าส
3. ธุรกิจระดับภูมิภาค (รีจินัล) ภายใต้ สิงห์ เอเชีย โฮลดิ้ง
4. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยสิงห์เอสเตท
5. ธุรกิจซัพพลายเชน ภายใต้บุญรอดซัพพลายเชน
6. ธุรกิจอาหาร โดยฟู้ด แฟคเตอร์

สำหรับธุรกิจอาหารในกลุ่มบุญรอดฯ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอาหารแบบครบวงจร จากต้นน้ำไปยังปลายน้ำ ทางกลุ่มบุญรอดฯ มุ่งตอกย้ำการ Synergy ร่วมผนึกความแข็งแกร่งระหว่างกลุ่มธุรกิจ สร้างการเติบโตร่วมกัน โดยปัจจุบันมีการแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

1. กลุ่มการผลิตและผลิตภัณฑ์ (Food Product & Production)
2. กลุ่มเครือข่ายธุรกิจอาหาร (Food Network)
3. กลุ่มร้านอาหาร (Food Retail)

ปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด

ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารในพอร์ตโฟลิโอของฟู้ด แฟคเตอร์ ประกอบด้วยร้านฟาร์มดีไซน์, ร้านอาหารญี่ปุ่น Kitaohji และเอส 33 โดยบริษัท เอสคอมพานี จำกัด ดูแลกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร และล่าสุดร้านสเต็กซานตา เฟ่ (Santa fe) ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 117 สาขา ได้เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโต นอกจากนี้ เคทีฯ ยังมีร้าน “เหม็งนัวนัว” เป็นร้านอาหารอีสานอีกแบรนด์ที่อยู่ในเครือ ปัจจุบันมี 7 สาขา ฟู้ด แฟคเตอร์ฯ จึงได้ทั้งร้านสเต็กและร้านอาหารอีสานเข้ามาเติมพอร์ต

หลังจากร่วมลงทุนกับ เคที เรสทัวรองท์ (KT) ปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด (Food Factors) ได้เผยถึงแผนการต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจครั้งนี้ ซึ่ง “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” ได้สรุปมา ดังนี้

1. ทำงานเป็นทีม มี Passion ร่วมกัน

เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว รูปแบบการบริหารงานต่างๆ จึงต้องมีการกำหนดทิศทางและวางเป้าหมายร่วมกัน มี passion ร่วมกัน ทั้งฟู้ด แฟคเตอร์ และเคทีฯ โดยหลังจากนี้ทีมเก่าของเคทีฯ ยังคงร่วมบริหารงานก่อน 3 ปี จากนั้นจึงจะมีข้อตกลงกันใหม่

2. ขยายสาขา

หลังจากนี้ ซานตา เฟ่ จะเน้นการขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าขั้นต่ำขยายให้ได้ปีละ10 สาขา และขยายเป็นแฟรนไชส์ปีละ 10 สาขา ซึ่งซานตา เฟ่ เป็นร้านอาหารที่ราคาอาหารอยู่ในระดับราคาปานกลาง ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ เป็นที่นิยมในกลุ่มเพื่อนและกลุ่มครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซานตา เฟ่ เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี หลังจากร่วมมือกันตั้งเป้าเติบโตขึ้นเป็น 20 % ต่อปี

3. สร้าง Product Champion

ฟู้ด แฟคเตอร์ วางแผนสร้างสินค้าใหม่ (Product Champion) ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 ตัว คือ ซอสต๊อดและมาชิตะ โดยตั้งเป้าหมายว่าต้องมีสินค้าใหม่ขั้นต่ำ 25 สินค้า ภายใน 5 ปี นอกจากนี้ ยังเตรียมงบประมาณไว้ 5,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี (2563-2567) ซึ่งหลังจากร่วมทุนกับเคทีฯ แล้ว จึงเหลืองบอีกกว่า 3,500 ล้านบาท หากมีธุรกิจใดที่เจรจาลงตัว และเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มบุญรอดฯ ได้ นายปิติ ก็พร้อมจะนำเสนอบอร์ดเพื่อพิจารณา โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ 15,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี

4. สร้างเครือข่ายธุรกิจอาหาร (Food Network) รุกธุรกิจเดลิเวอรี่

นายปิติ กล่าวว่า แม้ธุรกิจอาหารจะไม่ได้รับผลกระทบจาก Digital Disruption มากนัก แต่ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ก็จะรุกสู่ธุรกิจเดลิเวอรี่มากขึ้น ด้วยการหาพันธมิตรมาร่วมทำธุรกิจ ล่าสุดได้ร่วมกับ แกร็บ ฟู้ด (Grab Food) ที่ผู้บริโภคสามารถสั่งทุกเมนูของซานตา เฟ่ (เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ) ผ่านแกร็บ ฟู้ด ได้แล้ว

5. ขยายกลุ่มร้านอาหาร (Food Retail) เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น

โดยจะมีการขยายหน้าร้านให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการเข้าไปร่วมทุนและพัฒนาธุรกิจและสินค้าใหม่ขึ้นมาเอง ตั้งเป้าหมายมีร้านอาหาร 50 สาขา ภายใน 2-3 ปี รวมทั้งวางแผนเพิ่มจุดขายในการจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม เช่น น้ำดื่ม เบียร์ ข้าวบรรจุถุงพันดี ฯลฯ ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ทั้งภาคการผลิต โรงงาน ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก ไปจนถึงธุรกิจดิจิทัล โดยฟู้ด แฟคเตอร์ มีพร้อมทั้งโรงงาน โลจิสติกส์ และ R&D ซึ่งกรณีของร้านซานตา เฟ่ ก็จะเข้ามาช่วยทำให้ธุรกิจอาหารครบวงจรขึ้น ช่วยทำให้เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง รวมทั้งเสริมเรื่องธุรกิจซัพพลายเชนด้วย

6. สร้างซัพพลายเชนธุรกิจอาหารให้ครบวงจร

สำหรับแผนในอนาคต ฟู้ด แฟคเตอร์ วางแผนสร้างซัพพลายเชนธุรกิจอาหารให้ครบวงจร โดยได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการทำ ครัวกลาง (Central Kitchen) เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิต การจัดตั้งศูนย์การกระจายสินค้า (Central Distribution) หลังจากธุรกิจมีมูลค่ามากเพียงพอ โดยร่วมกับกลุ่มเฮสโก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญการผลิตอาหาร, กลุ่ม Food innovation Center ศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม, และกลุ่ม Bevchain logistics การบริหารจัดการและการกระจายสินค้าสู่ภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการสร้างแบรนด์สินค้าใหม่จับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมากขึ้น

ปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด (Food Factors) กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการบริษัท เคที เรสทัวรองท์ฯ เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ฟู้ด แฟคเตอร์ บรรลุเป้าหมายทางด้านยอดขายได้ในอนาคต ทั้งนี้ เคที เรสทัวรองท์ฯ มีรายได้โดยเฉลี่ยราว 1,200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่เข้ามาเสริมศักยภาพในส่วนของกลุ่มร้านอาหาร (Food Retail) ประเภทร้านสเต็ก และเติมเต็มธุรกิจร้านอาหารในพอร์ตโฟลิโอให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

“ในส่วนของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ผมไม่อยากให้ตัดราคากัน อยากให้คุยกันมากกว่า ใครถนัดอะไร ทำ อย่าแข่งกัน ไม่อย่างนั้นสุดท้ายก็จะเหนื่อยกันหมด ผมอยากทำลายกำแพงตรงนี้ให้ได้ ส่วนโอกาสในธุรกิจร้านอาหารสเต็ก ก็เป็นกลุ่มอาหารที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดยังมีไม่มากนัก และคู่แข่งรายใหญ่ๆ ในตลาดมีเพียง 2-3 ราย และยังมีโอกาสขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนอีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้นำร่องขยายไปแล้วที่กัมพูชา”

นายปิติ กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้งบ 5,000 ล้านบาท ซึ่งในการลงทุนใหม่ๆ จะพิจารณาถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของบุญรอดฯ หากเป็นบริษัทที่ดี มีสินค้าเข้ามาเสริมศักยภาพฟู้ด แฟคเตอร์ โดยเฉพาะการลงทุนร้านอาหารที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง คุณภาพดี รสชาติอาหารอร่อย เพื่อเพิ่มพอร์ตโฟลิโอธุรกิจอาหารให้ครอบคลุมตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ