ส.ส.ภูเก็ตบ่น “สิระ” ทำโดนด่า – “ปารีณา” ยกตั้งใจดีแค่ต้องปรับปรุงกิริยา

วันที่ 20 ส.ค. นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.จังหวัดภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและได้มีการปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ตนได้โทรศัพท์ไปขอโทษรองผู้กำกับ สภ.กะรน แล้วในนามของพรรคพลังประชารัฐ และได้ยืนยันไปว่าพรรคไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุนกิจกรรมนี้ ซึ่งทางรองผู้กำกับเข้าใจ

นัทธี ถิ่นสาคู

ทั้งนี้ ตนมีความรู้สึกเหมือนกันกับคนภูเก็ตต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ เสียใจและไม่พอใจในตัว ส.ส. ที่ลงพื้นที่และไม่พอใจพรรคพลังประชารัฐด้วย โดยในส่วนของพรรคนั้น ตนพยายามชี้แจงกับประชาชนว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ในส่วน ส.ส. คงเป็นเรื่องส่วนตัวของ ส.ส.ที่ต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งการลงพื้นที่ไปของนายสิระในครั้งนี้ กระทบกับการทำงานของตน เนื่องจากไม่ได้มีการประสานงานมาที่ตนก่อนจะลงไป ซึ่งเมื่อประชาชนไม่พอใจและมีการด่าโจมตีตนและพรรคก็โดนด่าไปด้วย

นอกจากนี้ นายนัทธี ยังบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ นอกจากจะกระทบกับพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส. แล้ว ยังกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เพื่อไม่ให้ออกไปสู่สายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ดังนั้นจึงขอฝากสื่อมวลชนไปยังคนที่หวังดีกับจังหวัดภูเก็ตด้วย ว่าขอให้หวังดีในกรอบ และอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง รวมถึงควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนจะไปแสดงความคิดเห็นใดๆ

อย่างไรก็ตาม นายนัทธี ได้บอกถึงเหตุผลที่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของการก่อสร้างคอนโดมีเนียมที่เป็นข่าวว่า เนื่องจากเรื่องนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการตรวจสอบ ทั้งเรื่องของเอกสารสิทธิ์ที่มีการฟ้องร้องอยู่ที่ศาล และเรื่องของการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ที่ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตก็ได้มีการสั่งสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว

สุชาติ ชมกลิ่น

ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ประธาน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า กราบขอโทษในสิ่งที่ทำให้สังคมเกิดความไม่สบายใจ ในฐานะประธาน ส.ส. ตนมีหน้าที่โดยตรงในการประสานงานและควบคุมการทำงานของ ส.ส. และที่ผ่านมาตนได้พูดคุยกับนายสิระแล้ว ซึ่งนายสิระเองก็ได้เข้าใจบทบาทของตน ดังนั้นจึงขอสื่อมวลชนได้เข้าใจว่าทำงานโดยบทบาทของ ส.ส. บางครั้งอาจทำโดยรีบร้อนและเป็นบุคลิกส่วนตัว แต่ก็ทำโดยความหวังดี จึงอยากให้มองที่เป้าหมาย เพราะนายสิระไม่ได้ไปทำในเรื่องทุจริตหรือผิดกฎหมาย จึงอยากขอโอกาส และในวันนี้ตนจะคุยกับนายสิระเป็นการส่วนตัว แต่ไม่ได้เป็นการตำหนิ เพราะเขาตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง

ส่วนกรณีการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ตำรวจไม่จำเป็นต้องมาดูแล ส.ส.เวลาลงพื้นที่ แต่กรณีของนายสิระนั้น ทราบว่ามีการโดนข่มขู่ จึงอาจจะมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย เพราะเขาลงพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่ตนเอง ทั้งนี้ ตนได้ขอโทษไปทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว และส่วนตัวนายสิระเองก็ได้ขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วด้วย

ปารีณา ไกรคุปต์

ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี แสดงความเห็นว่า ส่วนตัวได้เห็นคลิปแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเป็นการตะคอก และเข้าใจว่านายสิระมีอายุมากแล้ว ส่วนตำรวจก็อายุยังไม่มาก จึงอยากให้อภัยกันบ้าง ส่วนการดูแลความปลอดภัยนั้นส่วนตัวมองว่าอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า เพราะส่วนตัวเวลาลงพื้นที่ไปไปนก็ไม่ได้มีตำรวจมารักษาความปลอดภัย แต่กรณีของนายสิระก่อนจะลงไปในพื้นที่จ.ภูเก็ตก็ได้แจ้งในกลุ่มว่าโดนข่มขู่ ซึ่งตนก็ได้บอกว่าให้ระวังตัว ก็รู้ว่าหากโดนข่มขู่ก็ดูน่ากลัว

ทั้งนี้ น.ส.ปารีณา บอกว่าปกตินายสิระเป็นคนเสียงดังอยู่แล้ว แต่บางครั้งเขาอาจจะจริงจังเกินไปจึงอาจจะแสดงออกไม่เหมาะสมบ้าง ซึ่งเขาเองก็ตั้งใจทำงาน แต่กิริยาอาจจะต้องปรับปรุงบ้าง และเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่กระทบกับภาพลักษณ์ของ ส.ส. ในพรรคพลังประชารัฐ ส่วนการทำงานข้ามเขตของ ส.ส. นั้น ตามกฎของพรรคก็สามารถทำได้

วันเดียวกันที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เรื่องการกำชับพฤติกรรมของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มอบหมายให้ไปแก้ปัญหาตักเตือนพูดคุย ทำความเข้าใจ เขาอาจจะหลุดอะไรไปบ้าง ด้วยความเข้าใจไม่ถูกต้อง

ส่วนเรื่องที่หาก ส.ส.จะไปที่ไหนแล้วคิดว่าตัวเองมีอันตราย ก็ทำเรื่องขอไปที่ตำรวจให้ดูแลได้ แต่ไม่ใช่ภารกิจโดยตรงของเขา เขาไม่ใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี แม้เป็นเรื่องดีที่ช่วยตรวจสอบ แต่การจะไปชี้ให้ใครจับกุมใคร คงไม่ใช่ขั้นตอนที่จะทำ

“ช่วยกันรักษาไว้หน่อย รักษาความสัมพันธ์อันดี ไม่ว่ากับประชาชนกันสังคมต่างๆ ทำอะไรก็ต้องรอบคอบ ต้องตักเตือนกัน ทราบว่าทางพรรคพลังประชารัฐเขาก็มาขอโทษแล้ว เมื่อเช้าก็เห็นนายสิระ ออกมาชี้แจงแล้ว บางเรื่องถ้าชี้แจงแล้ว รับกันได้แล้วก็จบไปแล้วก็อย่าให้เกิดขึ้นอีก ผมย้ำไปแล้ว ผมไม่ต้องการให้มีความไม่เข้าใจกันแบบนี้ต่อไปในอนาคต” นายกรัฐมนตรี กล่าว