ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง วินิจฉัยสถานภาพ ส.ส. ‘สิระ’ แต่ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
วันที่ 3 ก.พ. 2564 ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(10) หรือไม่ โดย ส.ส. จำนวน 145 คน เข้าชื่อร้องต่อผู้ร้องขอให้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายสิระเคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน ในคดีหมายเลขดำที่ 812/2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218/2538 เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2538 ว่า มีความผิดอาญาฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำคุก 4 เดือน และให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย และริบสัญญาจะซื้อจะขาย โดย ส.ส.ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่าคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว เป็นกรณีที่นายสิระเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ทำให้นายสิระเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(10) อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายสิระสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6)
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง และเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 7(5) จึงมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้นายสิระยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
สำหรับการพิจารณาคำขอให้ผู้ร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสองหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญโดยเสียงข้างมากเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) ปัญญัติว่า เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุตว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารหลักฐานที่ผู้ร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ปรากฎหลักฐานว่าคดีดังกล่าวถึงที่สุดว่ากระทำความผิด เป็นกรณียังไม่ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่านายสิระมีกรณีให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย จึงมีคำสั่งยกคำขอส่วนนี้