SHARE

คัดลอกแล้ว

“ผมหวังแค่ว่าจะได้ประกัน ได้กอดพ่อกับแม่ อย่างที่คุณอุ๊งอิ๊งค์ได้กอดคุณพ่อทักษิณ ผมอยากมีชีวิตเช่นคนคนหนึ่ง หวังว่าจดหมายน้อยฉบับนี้ จะส่งถึงคุณอุ๊งอิ๊งค์ที่เป็นนายกรัฐมนตรี” คือข้อความที่สิรภพ หนึ่งในผู้ต้องขังในคดี ม. 112 ฝากถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

 

ท่ามกลางการบริหารประเทศโดยรัฐบาลพลเรือน ยังมีประชาชนที่ต้องต่อสู้กับคดีการเมือง หนึ่งในนั้นคือ ‘ขนุน’ สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ นักศึกษาปริญญาโทวัย 24 ปี เขาถูกศาลพิพากษาจำคุกด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 กรณีปราศรัยในชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563

จนถึงวันนี้ (17 มีนาคม) สิรภพ อดอาหารเรียกร้องสิทธิประกันตัวมาแล้ว 25 วัน โดยเขางดอาหารและนม ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ภายใต้ข้อเรียกร้อง 2 ข้อ ได้แก่ 1) สร้างอิสรภาพที่ถาวรแก่ผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองโดยไร้เงื่อนไข และ 2) ยุติการนำ ม.112 มาใช้ในทางการเมือง

[ชีวิตของสิรภพ] 

สิรภพจบปริญญาตรีจากภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เขาสนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็ก มีความฝันอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เคยร่วมกิจกรรมกับกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท และออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงปี 2563

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า 18 พฤศจิกายน 2563 สิรภพร่วมชุมนุมและปราศรัยในม็อบ #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ ซึ่งเป็นชุมนุมที่จัดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำความดันสูงและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมในวันก่อนหน้า หลังการชุมนุมเขาถูกกล่าวหาว่าปราศรัยเข้าข่ายความผิด ม.112

อัยการสั่งฟ้องสิรภพในปี 2564 จนกระทั่งวันที่ 25 มีนาคม 2567 ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาว่าสิรภพมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และลงโทษจำคุก 3 ปี เนื่องจากคำปราศรัยของเขาไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม ศาลอาญากรุงเทพใต้อ้างว่าสิรภพให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างจึงลดโทษให้เหลือจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา เขาเข้าเรือนจำตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา ซึ่งจะครบ 1 ปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิรภพยื่นประกันตัวมาแล้ว 15 ครั้ง แต่ศาลไม่เคยอนุญาตให้ประกันตัว แม้จะยื่นประกันตัวด้วยเหตุผลเรื่องการศึกษาในระดับปริญญาโท และยืนยันว่ายินดีวางหลักทรัพย์และปฏิบัติตามเงื่อนไขประกันตามที่ศาลเห็นสมควรก็ตาม

[ อดอาหารเพื่อ ‘อิสรภาพถาวร’ ] 

สิรภพตัดสินใจอดอาหารตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 โดยไม่รับประทานอาหาร นม และน้ำหวาน แต่ยังดื่มน้ำเปล่าอยู่

“มันไม่ใช่เพียงแค่การเอาแต่ใจ แต่คือความพยายามให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนา การอดอาหารจึงถูกพูดถึงในฐานะการใช้เครื่องมือที่ตนเองถือครองมาแต่ต้น นั่นคือ ‘ชีวิต’ ของเราแต่ละคน” สิรภพอธิบายผ่านบทความที่เขียนก่อนเริ่มอดอาหาร

สิรภพเผยผ่านแถลงการณ์อดอาหารว่า แม้รัฐบาลปัจจุบันคือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เผด็จการยังซ่อนรูปและแฝงอยู่อย่างเป็นระบบ กล่าวคือขอบเขตการตีความของกฎหมายถูกขยายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือกดปราบทางการเมืองและปิดปากประชาชน

แถลงการณ์อดอาหารของสิรภพระบุด้วยว่า “ความปรารถนาของผมมีเพียง ‘การมีอิสรภาพถาวร’ และการยุติการนำ ม.112 มาใช้ทางการเมือง”

การอดอาหารกว่า 25 วันทำให้สิรภพน้ำหนักลด 9 กิโลกรัม เขาระบุว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ “ผอมที่สุดในชีวิต” โดยที่ผ่านมามีอาการชา อิดโรย วิงเวียนศีรษะ หัวใจเต้นช้าลง และหายใจไม่อิ่มร่วมด้วย ต่อมาในวันที่ 14 มีนาคม 2568 สิรภพถูกส่งไปแอดมิทรักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แพทย์วินิจฉัยว่าเขามีค่าโพแทสเซียมอยู่ที่ 3.1 ซึ่งหากต่ำกว่า 3 จะอยู่ในเกณฑ์อันตราย

ระหว่างรักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ สิรภพฝากข้อความถึงนายกฯ แพทองธารว่า เขายังมีความหวังที่จะได้กลับบ้านเพื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว เขามีความหวังที่จะได้ประกันตัวเพื่อกลับไปกอดพ่อและแม่ เช่นเดียวกับที่นายกฯ ได้กอดทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา

ทั้งนี้ สิรภพเคยเขียนจดหมายจากเรือนจำถึงพ่อ เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติว่า “คิดถึงป๊านะครับ ไม่มีวันไหนที่ไม่อยากกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว”

[ไม่ใช่แค่สิรภพที่กำลังต่อสู้กับคดีการเมือง]

รัฐบาลจากการเลือกตั้งอาจพลิกกระบวนการยุติธรรมได้ รัฐบาลจากการเลือกตั้งอาจคืนความยุติธรรมและนิรโทษกรรมประชาชน ‘ทุกคน’ ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองได้ หลายคนคาดหวังเช่นนั้น.

อย่างไรก็ตาม ภายใต้รัฐบาลผสมที่นำโดยเพื่อไทยกลับยังมีประชาชนถูกคุมขังเพราะแสดงออกทางการเมือง รายงานจากศูนย์ทนายฯ ระบุว่าในปี 2567 มีผู้ต้องขังทางการเมืองอย่างน้อย 70 คน ในจำนวนนี้ถูกปล่อยตัวระหว่างปี 35 คน (ส่วนใหญ่คือการปล่อยตัวหลังถูกขังจนครบกำหนดโทษ) ขณะเดียวกัน คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัวสูงถึง 91.7% จากคำร้องขอประกันตัวทุกฉบับ

แม้กระทั่งในเดือนที่ผ่านมา (6 กุมภาพันธ์ -7 มีนาคม 2568) ศูนย์ทนายฯ รายงานด้วยว่ามีผู้ต้องขังคดีทางการเมืองทั่วประเทศอย่างน้อย 45 คน โดยเป็นคดี ม.112 จำนวน 29 คน ขณะที่มีผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างสู้คดีอย่างน้อย 27 คน เช่น ทนายอานนท์-อานนท์ นำภา, บัสบาส-มงคล ถิระโคตร, ไบรท์-ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, ทิวากร วิถีตน, เก็ต-โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง เป็นต้น

ส่วนกฎหมายนิรโทษกรรมก็ยังไปไม่ถึงไหน ร่างกฎหมายยังไม่ถูกนำมาพิจารณาลงมติในรัฐสภา คาดการณ์กันว่าการพิจารณาอาจเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้

[ รัฐยังคงคุกคามประชาชน ]

แม้ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ประชาชนและนักกิจกรรมจำนวนหนึ่งกลับยังถูกคุกคามโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งในรูปแบบเข้าไปหาถึงบ้าน ที่ทำงาน ตลอดจนคอยติดตามสอดแนมและตรวจเช็กความเคลื่อนไหว เช่น

– ‘Liberate P’ แรปเปอร์จาก Rap Against Dictatorship (R.A.D) ถูกตำรวจมาพบถึงบ้านเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยตำรวจได้สอบถามความเคลื่อนไหวและอ้างว่าต้องติดตามเพราะมีรายชื่อ ‘เฝ้าระวัง’

– นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ประธานกลุ่มอิสระล้อการเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกตำรวจโทรติดต่อหาพ่อแม่และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ภูมิลำเนา เพื่อติดตามสอบถามข้อมูลส่วนตัวและอ้างว่าอยากพบครอบครัวของนักศึกษา หลังจัดขบวนล้อการเมืองในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 (ยังไม่รวมว่ามีการส่งตำรวจสันติบาลเข้ามาคุยกับนักศึกษาก่อนวันงานด้วย)

– พรสิทธิ ทนายความจากศรีสะเกษ ถูกตำรวจมาพบถึงบ้านเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเยือนศรีสะเกษ โดยตำรวจพยายามติดต่อหาเขาเกือบทุกวัน ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนอดีตนายกฯ เดินทางถึง

– จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ นักกิจกรรมทางการเมือง ถูกตำรวจมาพบถึงบ้านอย่างน้อย 2 ครั้งในเดือนธันวาคม 2567 เนื่องจากมีการเสด็จของสมาชิกราชวงศ์ไปยังจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งใกล้เคียงกับจังหวัดภูมิลำเนาของเธอ

– สมชาติ สมาชิกเครือข่าย P-move ถูกตำรวจมาพบถึงบ้านในวันที่ 17-19 มีนาคม 2567 หรือก็คือ 3 วันติด เพื่อสอบถามความเคลื่อนไหวและการยื่นหนังสือ ก่อนที่เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ในขณะนั้น จะลงพื้นที่จังหวัดลำปาง

นี่เป็นเพียงไม่กี่ตัวอย่างของเหตุการณ์คุกคามประชาชน ศูนย์ทนายฯ รายงานว่าในปี 2567 ที่แม้ไม่มีการชุมนุมทางการเมืองขนาดใหญ่ แต่ก็ยังเกิดกรณีเจ้าหน้าที่รัฐติดตามคุกคามประชาชนที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างน้อย 121 กรณี

น่าเศร้าที่การคุกคามประชาชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงรัฐบาลเพื่อไทย สิ่งที่ขนุนต่อสู้จึงไม่ใช่แค่การคืนสิทธิประกันตัว แต่เป็นการต่อสู้เพื่อ ‘อิสรภาพที่ถาวร’ แก่ผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองทุกคน

 

ที่มาข้อมูล

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (1), (2), (3), (4), (5), (6), (7), (8), (9), (10), (11), (12), (13),(14)

iLAW

Facebook (1), (2)

https://x.com/uauajutatip/status/1871449217316827433

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า