SHARE

คัดลอกแล้ว

ถือว่าเป็นข่าวในแวดวงธุรกิจที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เมื่อบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจร รายใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งเกิดจากการควบรวมระหว่าง บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ได้ประกาศแผนขยายธุรกิจครั้งใหญ่ เพื่อผลักดันธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชนออกสู่ภูมิภาคอาเซียน พร้อมตั้งเป้าสร้างรายได้ 30,000 ล้านบาทภายในปีนี้ และเติบโตเฉลี่ย 12% ในอีก 3 ปีข้างหน้า รวมถึงมีมูลค่าทางการตลาด (Market cap) เติบโตกว่า 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2570

โดยแผนงานธุรกิจของ SJWD ในครั้งนี้ ให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจเดิม และรุกตลาดบริการใหม่ ผ่านการร่วมทุน การควบรวมกิจการ และซื้อกิจการ (M&A) เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายการให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในระดับภูมิภาค และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ผ่านแผนงาน 5 ส่วนสำคัญ ดังนี้

ประหยัดต้นทุนและเพิ่มรายได้จาก Cross-Sale & Up-Sale

แผนงานส่วนแรก คือ การร่วมมือกันลดต้นทุนบางส่วนในการดำเนินธุรกิจ อาทิ การรวมคำสั่งซื้อสินค้าและบริการ เช่น การใช้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซื้อประกันภัย เป็นต้น การรวมฟลีตรถและเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการ การปรับอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ โดยบริษัทจัดอันดับเครดิต ซึ่งจะมีผลต่อการลดต้นทุนทางการเงิน โดยตั้งเป้าหมายว่าจะลดต้นทุนให้ได้อย่างน้อย 20 ล้านบาท ภายในปี 2567

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลจากฐานลูกค้าเดิมของทั้ง 2 บริษัท ในการทำ Cross-Sale และ Up-Sale เพื่อเพิ่มรายได้ในอนาคตอย่างน้อย 100 ล้านบาท/ปี

สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่าย

สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริการเดิม ที่แต่ละฝ่ายมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว อย่างคลังสินค้าห้องเย็น โลจิสติกส์ยานยนต์ รวมถึงการขนส่งเคมีภัณฑ์อันตราย โดยมุ่งมั่นพัฒนาการบริการให้เป็นแบบครบวงจร และครอบคลุมในหลายพื้นที่มากยิ่งขึ้น ในลักษณะของธุรกิจ B2B2C เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค

เช่น ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนของทั้ง 2 ฝ่าย กับ Cambodia Railway พาร์ตเนอร์จากกัมพูชา เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนจากกัมพูชา-ไทย ในรูปแบบแบบไฮบริด โมเดล ครอบคลุมการขนส่งทางรางและทางรถ เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการและช่วยลดต้นทุนแก่ลูกค้า

โดย SJWD ถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกในไทย ที่สามารถให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนจากกัมพูชา-ไทย แบบไฮบริด และ Door-to-Door Service (จากผู้ส่งถึงผู้รับ) ตอกย้ำการเป็น First Mover ในการนำเสนอบริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน

ต่อยอดโมเดลความสำเร็จในไทยสู่การเชื่อมต่อบริการในอาเซียนแบบไร้รอยต่อ

SJWD จะนำโมเดลธุรกิจ “คลังสินค้าห้องเย็น” และ “โลจิสติกส์ยานยนต์” ที่ประสบความสำเร็จในไทย มาเป็นโมเดลในการพัฒนาการเชื่อมต่อบริการในประเทศอาเซียน โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2570 รายได้ในส่วนนี้ จะมีสัดส่วนเป็น 40% จากรายได้ทั้งหมดที่มาจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ SJWD จะต่อยอดโมเดลความสำเร็จนี้ ไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีศักยภาพสูง ซึ่งทางเอสซีจีมีการลงทุน และการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ด้วยหลากหลายวิธี เช่น เตรียมเข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท เอสซีจี อินเตอร์ เวียดนาม จำกัด (SCG Inter Vietnam) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในประเทศเวียดนาม ที่มีลูกค้าหลักเป็นธุรกิจในเครือ SCG และลูกค้าทั่วไป โดยคาดว่ารายได้ช่วงแรกจะประมาณ 800-1,000 ล้านบาทต่อปี, วางแผนร่วมมือกับ Transimex Corporation พาร์ทเนอร์ท้องถิ่นที่เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำในประเทศเวียดนาม เพื่อร่วมกันขยายธุรกิจในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

เดินหน้าให้บริการแบบ D2C

นอกจากนี้ SJWD ยังได้เดินหน้าให้บริการแบบ D2C (Direct to Consumer) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ บริการคลังสินค้าแบบครบวงจรเพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การให้คำปรึกษา รูปแบบการให้บริการที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะของธุรกิจ

ขยายขอบเขตการให้บริการสู่ธุรกิจใหม่

สุดท้ายนี้ SJWD มีการขยายขอบเขตการให้บริการอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่ อาทิ วางแผนยกระดับธุรกิจโรงเรียนสอนขับรถเป็นสถาบันสอนขับรถ เพื่อขยายบริการฝึกอบรมแก่บุคลากรภายในเครือ SCG ไปยังลูกค้าภายนอก, มีแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนด้านการให้บริการขนส่งชิ้นส่วนยานยนต์ ในประเทศไทย เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนไปยังโรงงานผลิต ยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร และจัดส่งแก่ดีลเลอร์รถทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนในปีหน้า และรับรู้รายได้เต็มปีตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป

อีกทั้งยังได้วางแผนขยายการให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ยาและเวชภัณฑ์ สินค้าเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งจะต่อยอดจากความเชี่ยวชาญในบริการคลังสินค้าห้องเย็นและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิสำหรับวัคซีน โดยได้วางงบลงทุน (เฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ) ตามแผน 5 ปี ประมาณ 450 ล้านบาท

อนึ่ง SJWD มีสัดส่วนการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชน คิดเป็น 86.9% และมีธุรกิจอื่น ๆ ในการดูแลอีกกว่า 13.1% เช่น ซัพพลายเชนด้านอาหาร สถาบันการศึกษาด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น

TODAY Bizview มองว่าการประกาศขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เพราะ SJWD คือผู้นำด้านบริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนโซลูชั่นแบบครบวงจร ที่มีการบริการครอบคลุมหลายด้าน และหลายพื้นที่ รวมถึงมีทรัพยากรที่พร้อมผลักดันให้ธุรกิจโลจิสติกส์สัญชาติไทย เติบโตในตลาดต่างประเทศได้อย่างเต็มที่

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า