ผลสำรวจบอกว่าคนไทย 25% มีภาวะนอนกรนและพบผู้มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับประมาณ 5% หรือราว 3 ล้านคน โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปจะมีความเสี่ยงสูงที่ต้องเผชิญกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แบ่งเป็นผู้ชาย 40% พบในผู้หญิง 20%
ต้องบอกแบบนี้ว่าผู้มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับไม่ได้ทำให้ ‘เสียชีวิต’ แต่เป็นเสมือน ‘ตัวกระตุ้น’ ให้ทุกอย่างกำเริบจนเสียชีวิตได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยมีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว การมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับโดยไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดหัวใจล้มเหลวตามไปด้วยได้ ทำให้การภาวะหยุดหายใจขณะหลับจึงสำคัญ
นอกจากนี้ ใช่ว่าในกลุ่มเด็กวัยรุ่นจะไม่เป็น เพราะปัจจุบันเด็กวัยรุ่นก็เผชิญกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับอยู่ไม่น้อย ซึ่งอาการเหล่านี้ก็มากจากสิ่งเร้าในชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา บริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดมาก นอนไม่เป็นเวลาหรือนอนดึก ทำให้เกิดการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพส่งผลต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
[ โรงพยาบาลวิมุตรเตรียมเปิดเครื่องมือใหม่ ทางเลือกคนนอนกรน ]
‘นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ’ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันประชากรโลกราว 936 ล้านคนกำลังเผชิญกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่าผู้ที่มีอาการนอนกรน เสี่ยงต่อภาวะดังกล่าวมากถึง 94% ซึ่งในผู้ที่มีภาวะนี้มักมีอาการกรนมากจนหายใจติดขัด เกิดการสะดุดหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ทำให้ร่างกายขาดอากาศเป็นระยะๆ ระหว่างที่หลับ
ซึ่งเป็นอันตรายต่อการทำงานของหัวใจ สมอง หลอดเลือด และอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่ทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนมากมายโดยไม่รู้ตัว เช่น ภาวะใหลตาย, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคหลอดเลือดหัวใจ, เบาหวาน, อัมพาต, ความดันโลหิตสูง
นอกจากนี้ อินไซต์จากโรงพยาบาลวิมุตรยังบอกอีกว่า มีผู้ป่วยที่ประสบปัญหานอนกรนเข้ามาทำ Sleep Test เฉลี่ย 3 เคสต่อวัน หรือราวๆ 50-60 เคสต่อเดือน ทำให้โรงพยาบาลวิมุตรจับมือกับ บริษัท นําวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) เปิดตัวเครื่อง iNAP Sleep Therapy System รเพิ่มทางเลือกในการแก้ปัญหาและเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ
โดยตัวเครื่องทำงานด้วยเทคโนโลยี Oral Negative Air Pressure Therapy สร้างแรงดูดอ่อนๆ ทำให้ลิ้นและเนื้อเยื่ออยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้หายใจได้อย่างเป็นธรรมชาติขณะที่นอนหลับ ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดวกต่อการพกพา มีขนาดเล็กกะทัดรัด และสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ ไม่ต้องเสียบปลั๊ก ใช้งานได้นาน 4-6 วัน
[ ตลาด Sleep Economy โตได้อีกถ้ามีคนกรน ]
การที่มีคนนอนกรนเผชิญกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับขึ้นเรื่อยๆ กำลังทำให้ตลาด Sleep Economy หรือเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับเติบโตขึ้นไปตามๆ กัน ข้อมูลจาก Emergen Research เผยว่าในปี 2022 มีมูลค่าถึง 512.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) อยู่ที่ 6.3%
ถ้าหากแยกย่อยออกมาแค่ตลาดเครื่องมือแพทย์ในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วโลกจะพบว่าปี 2566 ตลาดมีมูลค่าราวๆ 6.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และภายในปี 2573 ตลาดจะโตถึง 9.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายตัวที่ CAGR ที่ 7.34% จากปี 2567 ถึง 2573