มาทำความรู้จักตัวตนของ ‘SMEW’ ศิลปินเลือดใหม่ ที่อยากเห็นวงการแรปไทยโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ
ทีม – ฐนิศร์ แก้วสุริวงษ์ หรือที่ใครหลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อ SMEWผู้ที่ได้รับคะแนนโหวตรวมสูงสุด และสามารถครองตำแหน่ง The Winner แชมป์รายการ The Rapper 2021 เอาไว้ได้ ซึ่ง SMEW นับได้ว่าเป็นแรปเปอร์ผู้เข้าแข่งขันที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดา 6 คนสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่ง New Gen ของวงการแรปเปอร์อย่างแท้จริงเลยทีเดียว หลังจากจบการแข่งขันไปได้ไม่นาน SMEW ก็ได้จับปากกาเซ็นสัญญาเข้ามาเป็นศิลปินภายใต้สังกัด XOFLOW ค่ายเพลงฮิปฮอปน้องใหม่ในเครือ XOXO Entertainment
โดย SMEW ได้เปิดตัวด้วยการปล่อยซิงเกิลแรก ‘PUT ME ON YOUR STORY’ ตามมาติดๆ กับเพลง ‘จักรวาลจารึก (UY SMEW-T)’ ต่อด้วย ‘MELATONIN’ และซิงเกิลล่าสุด ‘DRIVETHRU’
และวันนี้ workpointTODAY PLAY ก็ได้มาพูดคุยกับ ‘SMEW’ถึงเรื่องตัวตน และการเดินทางบนเส้นทางศิลปินของเขา
‘ทีม ฐนิศร์’ คิดว่าตัวเองเป็นเหมือนเป็ดที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้มาตรฐานไปทุกเรื่อง จึงตัดสินใจใช้ AKA ว่า ‘SMEW’
“ผมชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนเป็ดครับ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว คือเล่นกีฬาก็ได้ ทำเพลงก็ได้ เรียนก็ดี ก็โอเคแบบ ได้มาตรฐานไปทุกเรื่อง ก็เหมือนเป็ด เลยคิดว่าอันนี้น่าจะสื่อถึงตัวเราได้เหมาะที่สุด ก็เลยเอาใช้เป็นชื่อในแรปนี้แหละครับ แต่ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องความเหมือนกันระหว่างผมกับเป็ด มันจะมีเป็นเนื้อร้องที่ผมเขียนในแรปก็คือ “เหมือนเป็ดอาจจะ บินไม่ได้ อาจจะเดินไม่ได้ไว ว่ายน้ำก็ไปช้า ๆ” ก็ผมคิดว่าตัวเองก็เป็นแบบนั้นครับ คือเราพัฒนาไปได้ในระดับที่นิ่ง ๆ คงที่ไปเรื่อย ๆ แต่ก็คอยหาวิธีที่จะขวนขวายหาวิธีที่จะเก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ”
การคว้าแชมป์ในรายการ The Rapper คือจุดเริ่มต้นบนเส้นทางศิลปินของ SMEW
“แรงผลักดันที่ทำให้ผมตัดสินใจเข้าแข่งรายการ The Rapper คือผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นเพราะว่าผมชอบฟังเพลงแรปมาตั้งแต่มัธยมอยู่แล้วครับ แต่ว่าไม่เคยจริงจังกับมันสักที เลยอยากลองส่งประกวดสักครั้ง ไปเก็บประสบการณ์ อยากรู้ว่าตัวเองจะไปได้ไกลแค่ไหน ตอนแรกก็ลงสนุก ๆ ไปเฉย ๆ ครับ แต่พอผมสามารถคว้าแชมป์ไว้ได้ ผมก็ภูมิใจในตัวเองอยู่นะครับ เอาจริง ๆ ตอนนี้ผมยังตื่นเต้นอยู่เลยครับ หลังจากจบรายการ เพราะว่าไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ขนาดนี้ มันเป็นอะไรที่เกินคาดมาก ๆ เพราะว่าแต่ก่อนคือผมได้แต่ดูในยูทูบ ดูในทีวีอย่างเดียวเลย ไม่คิดเลยว่าวันนึงเราจะได้มาเป็นแชมป์ The Rapper นี้คือแบบมันเกินคาดมาก ๆ แล้วก็ต้องขอบคุณทุกคนที่คอยเชียร์ แล้วก็โหวตให้ด้วยครับ จำได้เลยว่าตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนว่าความฝันของผมกำลังจะเริ่มต้นครับ เพราะหลังจากนั้นผมก็ได้มาเป็นศิลปินเต็มตัวแล้วครับ
ถึงแม้ SMEW จะสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์มาครองเอาไว้ได้ แต่การได้มาเดินบนเส้นทางศิลปินแบบเต็มตัว ก็ยังมีหนึ่งสิ่งที่ SMEW มองว่าเป็นเรื่องที่ยาก และท้าทายมาก ๆ “ผมคิดว่าสิ่งที่ยากมาก ๆ สำหรับการเป็นศิลปินน่าจะเป็นการหาเอกลักษณ์ให้ตัวเองในแต่ละเพลงครับ ว่าแบบพอปล่อยเพลงไปแล้ว พอคนได้ฟังเพลงนี้แล้ว นึกขึ้นมาเลยว่านี้เป็นเพลงของเรานะ เป็นเพลงของ SMEW นะ”
หลังจากที่จบการแข่งขันในรายการ The Rapper ไปได้ไม่นาน SMEWก็ได้จับปากกาเซ็นสัญญาเข้ามาเป็นศิลปินภายใต้สังกัด XOFLOW “ค่าย XOFLOW เป็นค่ายในสังกัดของ XOXO Entertainment ซึ่งก็มีศิลปินที่ดัง ๆ แล้วก็เป็นที่รู้จักเยอะมากมาย ก็เลยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมอยากจะมาร่วมงานด้วย ในค่าย XOXO ครั้งนี้ ก็อีกหนึ่งสาเหตุเลยก็คือ ผมสังเกตว่าในค่ายนี้ ยังไม่มีศิลปินแรป คือเหมือนตอนนั้นเขากำลังจะสร้างค่ายน้องใหม่ XOFLOW ขึ้นมาพอดี ผมเลยตัดสินใจว่าที่นี้แหละดี”
สไตล์แรปแบบผสมผสานระหว่างภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของ SMEW
“ผมถนัดแรปแบบผสมผสานระหว่างไทย กับอังกฤษครับ ด้วยความที่ผมเรียนอินเตอร์มาด้วยตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เลยมีความคล่องที่จะใช้ภาษาอังกฤษ ก็เลยมีโอกาสได้นำภาษาอังกฤษมาใช้ในการแรป ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเพลง หรือ การประกวดต่าง ๆ ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ครับ เพราะยังไม่ค่อยมีคนแรปสไตล์เยอะนี้เท่าไหร่ ผมเลยคิดว่ามันน่าตื่นเต้นดีที่ได้จะได้ลองทำ แล้วก็ได้เปิดให้คนได้รับฟังแนวใหม่ ๆ แบบนี้ด้วย ผมเลยคิดว่าการใช้ภาษาอังกฤษ แล้วก็โฟลว์ที่แบบสลับซับซ้อน เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่ทำให้คนจำผมได้ ถ้าเกิดได้ดูในการแข่งขันในรายการที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ชัดเจนเลยครับ”
SMEW คือหนึ่งในศิลปินที่อยากเห็นวงการแรปไทย โด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ
“ผมรู้สึกว่าวงการแรปมันมีการพัฒนาขึ้นอยู่ทุกปีครับ มีคนรุ่นใหม่ ๆ เด็กรุ่นใหม่ ๆ รุ่นเดียวกับผม บางคนก็อาจจะเด็กกว่าด้วยซ้ำ แต่เหมือนได้มีสปอร์ตไลท์ให้ได้เฉิดฉายมากขึ้น แล้วแบบมีคนเก่ง ๆ เยอะขึ้นมาก ๆ เลยครับ มันเลยทำให้ผมอยากเห็นวงการแรปไทยไปถึงต่างประเทศ แบบทั่วโลก อินเตอร์แนชชั่นแนลไปเลยครับ เพราะผมคิดว่าประเทศไทยเรา แรปเปอร์ หรือเพลงแรปในประเทศไทยเราก็มีของเด็ดของดีอยู่เยอะมาก ที่ทั่วโลกจะต้องได้ฟังแน่ ๆ”
และด้วยแนวคิดนี้จึงส่งผลให้เป้าหมายสูงสุดของการเป็นศิลปินของ SMEW คือการได้ส่งเพลงของเขาออกไปสู่สายตาแฟนเพลงทั่วโลก “เป้าหมายสูงสุดในตอนนี้ น่าจะเป็นการได้ไปเพอร์ฟอร์ม หรือได้ไปทัวร์ต่างประเทศ หรืออาจจะเป็นการได้คอลแลป หรือทำเพลงกับศิลปินต่างประเทศท่านใดท่านหนึ่งครับ เอาจริง ๆ อีก 5 ปีข้างหน้าผมก็ไม่รู้เลยว่าจะเห็นตัวเองไปอยู่ตรงไหน ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ตรงไหนของโลก ทำอะไรอยู่ แต่ที่แน่ ๆ คือผมคิดว่าน่าจะต้องเก่ง แล้วก็พัฒนาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอนครับ”
ซึ่งก่อนหน้านี้ SMEW ก็ได้มีผลงานเพลงที่ได้ไปร่วมไปฟีเจอริ่งกับเพื่อนร่วมค่ายอย่าง NOT’TOY ในชื่อเพลง ‘ปัดโธ่’
“จริง ๆ ผมกับพี่โต้ยเราคุยกันมาตลอดอยู่แล้วว่า เราต้องมีเพลงสักครั้งนะ อยู่ในค่ายเดียวกัน แล้ววันนึงพี่โต้ยเขาก็ทักมาว่า เนี่ยมีพี่ต่อ ที่เป็นโปรดิวเซอร์เนี่ย เขาทำเพลงนี้มา แล้วก็ให้พี่โต้ยร้อง พี่โต้ยเขาก็เลยทักไลน์มาหาผมบอกว่า เนี่ยเพลงนี้ต้องทีมเท่านั้นนะ ต้อง SMEW เท่านั้น เราก็เลยโอเค ตกลงคุยกันว่าเออ ไหน ๆ ก็อยากมีเพลงร่วมกันแล้ว ก็เลยได้มาเป็นที่มาของเพลง ปัดโธ่เพลงนี้ครับ การทำงานกับพี่โต้ย ผมว่าสนุกมากนะ พี่เขาเป็นคนสนุกอยู่แล้ว ด้วยคาแรคเตอร์เขาอะไรประมาณนี้ครับ แล้วเพลงปัดโธ่ ที่ทำไปก็เป็นเพลงที่สนุกสุด ๆ เลย คือทุกอย่างมันปั่นไปหมด รวมไปถึงตอนถ่ายเอ็มวีด้วยครับ บรรยากาศอะไรมันเฮฮา สนุกมาก ๆ ครับ ผมว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก ๆ จริง ๆ”
นอกจากนี้ SMEW ยังมีข้อความเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากแฟน ๆ อีกด้วย “สำหรับคนที่ติดตามกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ก็ขอบคุณมาก ๆ นะครับ ส่วนคนที่ยังไม่เคยติดตาม หรือยังไม่เคยฟังเพลงของผม ก็สามารถไปฟังได้นะครับ เสิร์ชในยูทูบว่า SMEW ได้เลยครับผม ก็ฝาก SMEW จากค่าย XOFLOW ไว้ด้วยนะครับผม ก็ที่ปล่อยมากับค่ายก็ล่าสุดมีไปแล้ว 3 เพลงครับ ที่เป็นซิงเกิลเดี่ยวครับ มีเพลง MELATONIN (เมลาโทนิน), PUT ME ON YOUR STORY, จักรวาลจารึก แล้วก็ซิงเกิลที่ได้ไปฟีเจอริ่งกับพี่ NOT’TOY ศิลปินอีกท่านในค่าย ชื่อเพลง ปัดโธ่ ครับ และซิงเกิลล่าสุดของผม DRIVETHRU ฝากไว้ด้วยนะครับผม แล้วก็ Instagram เสิร์ชว่า its.smew ได้เลยครับผม ขอบคุณมากครับ”