สรุป แฉนรกบนดิน ศูนย์บำบัดยาเสพติด ‘วัดท่าพุราษฎร์บำรุง’

สรุปประเด็น แฉนรกบนดิน ศูนย์บำบัดยาเสพติด ‘วัดท่าพุราษฎร์บำรุง’ จ.กาญจนบุรี 

1. จุดเริ่มต้น วันที่ 20 ก.ย. 2564 ‘หมอปลา’ หรือ นายจิรพันธ์ เพชรขาว ฉายา มือปราบสัมภเวสี ได้เดินทางไปที่วัดท่าพุราษฎร์ ตั้งอยู่ใน อ.มะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองว่า ลูกชายที่อยู่ในศูนย์บำบัดยาเสพติดของวัดท่าพุราษฎร์ ถูกทรมานร่างกาย โดยมีการไลฟ์ภาพบรรยากาศ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก หมอปลาช่วยด้วย

2. สภาพของศูนย์บำบัดยาเสพติดแออัด มีชายฉกรรจ์อยู่รวมกันเกือบ 300 ชีวิต มีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง โดยผู้ที่อยู่ในศูนย์ฯ บอกว่า ได้รับประทานอาหารวันละ 2 มื้อ และบางวันอาหารบูด มีการซ้อม ทรมานร่างกาย และเคยมีผู้เสียชีวิต 3 คน

3. ผู้ปกครองหลายคน ค้นหาสถานที่แห่งนี้เจอจากในอินเตอร์เน็ต หวังส่งบุตรหลานเข้ามาบำบัดยาเสพติด จึงยอมจ่ายเงิย ครั้งแรก 12,000 บาท จากนั้นต้องจ่ายอีกเดือนละ 2,000 บาท แต่หากต้องการให้บุตรหลานได้ออกจากที่พัก ต้องให้ ‘บวช’ ซึ่งจะมีค่าจ่ายเงินอีก 20,000 บาท แต่หากต้องการพาตัวกลับก่อนกำหนด ต้องจ่าย 10,000 บาท

4. เมื่อเห็นกับตา หมอปลา พยายามติดต่อพระที่ดูแล แต่กลับถูกพูดจาข่มขู่ จึงได้แจ้งเรื่องให้ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รับทราบ พร้อมประสานขอรถมาย้ายทุกคน ออกมาพักที่ค่ายทหาร  รพ.สนามเขาชนไก่ ก่อนส่งต่อให้กลับบ้าน

5. มีรายงานข่าวด้วยว่า ในวันที่ 20 ก.ย. 2564 นั้น เจ้าอาวาส วัดท่าพุราษฏร์บำรุง เกิดหมดสติ มีอาการอาพาธหนักและมรณภาพ ในเวลาประมาณ 14.30 น.

6. อีกด้าน มีผู้ใช้เฟซบุ๊กของคนหนึ่ง อ้างว่าเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ได้โพสต์ระบายว่า กลุ่มผู้บำบัดดื้อรั้น พยายามหลบหนี และเคยออกมาขโมยของชาวบ้าน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ยันทางวัดเก็บค่าแรกเข้าแค่ 12,000 บาท ยอมรับมีการตีกันจริง แต่ไม่ถึงขั้นบาดเจ็บ-เสียชีวิต ข้าวให้กิน 2 มื้อ คือเช้า-เที่ยง ส่วนที่บูดเพราะเก็บไว้นาน และเจ้าอาวาส มรณภาพแล้ว หลังตกเป็นข่าว

7. วันที่ 22 ก.ย. 2564 หมอปลา พร้อมด้วย นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ เดินทางไปที่กองปราบปราม เข้าพบ พ.ต.ท.ภานุพงศ์ จันตระกูล สว.สอบสวน กก.5.บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์บำบัดฯ ดังกล่าว

หมอปลา กล่าวว่า หลังจากเข้าช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในศูนย์บำบัดฯ แล้ว ได้ไปลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.ด่านมะขามเตี้ย แต่กลับนิ่งเฉย จึงรู้สึกไม่ปลอดภัย มองศูนย์บำบัดฯ นี้ เป็นขบวนการ ทั้งตำรวจ วัด และอาสาสมัครกู้ภัย พบข้อมูล น่าผิดสังเกตว่า ตำรวจจาก จ.กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด ได้พาผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเข้ารับการบำบัดที่นี่มากที่สุด บางหมู่บ้านมีเป็นสิบๆ ราย หวังว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จะดูข่าวนี้และตรวจสอบด้วย

8. ทนายไพศาล กล่าวเสริมว่า จากพฤติการณ์เข้าข่ายค้ามนุษย์ เนื่องจาก ทำเป็นขบวนการตั้งแต่จัดหาผู้บำบัด การนำพา การเรียกรับเงินผลประโยชน์ กักขังทรมานทำร้ายทุบตี และที่สำคัญพบว่า มีการเสียชีวิตในสถานบำบัดก่อนหน้านี้ 2-3 ราย และไม่มีการชันสูตรพลิกศพ

บางรายไม่ได้เป็นผู้เสพยาเสพติดแต่เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอื่น เช่น ปัญหาการทะเลาะวิวาท การทำร้ายร่างกายก็ถูกรวบนำมาไว้ที่แห่งนี้ ถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ต่อรองกับผู้ปกครองว่าหากให้บุตรหลานเข้ารับการบำบัดเป็นเวลา 1 ปีจะไม่ต้องมีประวัติการถูกดำเนินคดี แต่ก็จะต้องมีค่าใช้จ่าย

9. จากข้อมูลพบว่า วัดท่าพุราษฎร์บำรุง ได้ดำเนินการขออนุญาตจัดตั้ง ‘ศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟู’ ภายใต้การกำกับมาตรฐานสถานพยาบาล ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ประเภทสถานฟื้นฟูสมรรถภาพ เป็นสถานฟื้นฟูสมรรถภาพขนาด 60 เตียง แต่ได้ดำเนินการ เป็นจำนวน 274 ราย โดยเป็นผู้ป่วยจิตเวชจำนวน 49 ราย และผู้ป่วยยาเสพติดจำนวน 225 ราย

10. ล่าสุด สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ร่วมกับ นพ.นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา สำนักพุทธศาสนา และผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้เข้าตรวจสอบศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟู วัดท่าพุราษฎร์บำรุง ดังกล่าว

ได้ข้อสรุปว่า วัดท่าพุราษฎร์บำรุงต้องการยกเลิกการดำเนินการของ ศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูฯ เนื่องจาก พระผู้ดำเนินการมรณภาพ จึงให้รีบดำเนินการส่งเอกสารการยกเลิก กับ สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อส่งให้กรมการแพทย์ดำเนินการต่อไป