Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ปี 2565 เป็นรอบปีที่เราต้องอยู่กับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของทั้งประเทศ และเมื่อโควิด-19 เริ่มซาลง ไทยกลับต้องเผชิญกับอีกหลายเหตุการณ์รุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี สร้างความโศกเศร้าสะเทือนใจให้กับผู้คนในสังคม บางเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางเหตุการณ์ยืดเยื้อต้องติดตามกันต่อในปีหน้า และบางเหตุการณ์เป็นโศกนาฏกรรมรุนแรงที่สุดสำหรับประเทศไทย

สำนักข่าว TODAY สรุปเหตุอาชญากรรมสะเทือนสังคมที่สุดแห่งปี 2565 ดังนี้

  • โศกนาฏกรรมหมู่ศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู

ข่าวแรกเริ่มกันที่โศกนาฏกรรมสังหารหมู่เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู นับเป็นการฆาตกรรมหมู่โดยผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียวที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ติดอันดับความรุนแรงเหตุกราดยิงในโรงเรียนที่ร้ายแรงที่สุดของโลก

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2565 ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจ บุกเข้าไปภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู กราดยิงผู้คนและใช้มีดทำร้ายเด็กและครู ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 37 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กเล็กถึง 24 คน สุดท้ายผู้ก่อเหตุฆ่าตัวตายพร้อมลูกและภรรยาที่บ้านพัก นำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่และสร้างบาดแผลในใจให้กับทุกครอบครัว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บและครอบครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมกับทรงรับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงปลงธรรมสังเวช โปรดประทานผ้าไตร และให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์รายละ 20,000 บาท ประทานแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ และมีพระบัญชาโปรดให้วัดในพื้นที่อำนวยความสะดวกในการจัดงานศพ และการสงเคราะห์ผู้ได้รับผลกระทบ กับทั้งให้วัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักร เจริญพระพุทธมนต์เป็นกรณีพิเศษหลังการทำวัตรเย็นในวันที่ 7 ต.ค. 2565

ขณะที่ผู้นำทั้งในและต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศต่างแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสังคมไทยได้ตั้งคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องออกมาตรการหรือแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการพกพาอาวุธปืน เพราะผู้ก่อเหตุกราดยิงส่วนใหญ่เป็นทหาร-ตำรวจที่สามารถพกอาวุธได้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะแก้ปัญหาภายในของหน่วยงานที่พบว่ามีการเอารัดเอาเปรียบกันทำให้เกิดภาวะกดดัน รวมถึงการแก้ปัญหายาเสพติด และระบบการเตือนภัยเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรายละ 110,000 บาท รวม 48 ราย นอกจากนี้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ยังจ่ายเยียวยาเพิ่มให้อีกรายละ 90,000 บาท คณะกรรมการพิจารณาเงินเยียวยา นำเบี้ยประชุมและเงินบริจาครวม 172,850 บาท สมทบให้แก่ครู 2 รายและพลเมืองดี 1 ราย ที่ช่วยเหลือเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและตะโกนให้คนร้ายเบี่ยงเบนไม่ไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์จนตนเองเสียชีวิต และจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้บาดเจ็บในเบื้องต้น 12 ราย เป็นเงิน  373,724  บาท ยอดรวมของเงินเยียวยาตามกฎหมาย ทั้งหมด 2 ครั้ง รวม 7,573,724  บาท และก่อนหน้านี้มีการจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบไปแล้ว 2 งวด

วันนี้หลายหน่วยงานได้ถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็หวังว่าจะนำไปสู่การปฏิบัติและแก้ไขได้อย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง https://workpointtoday.com/explainer-nong-bua-lamphu/

  • วงการจักษุแพทย์สูญเสีย ‘หมอกระต่าย’

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต้นปี วันที่ 21 ม.ค. 2565 ขณะที่แพทย์หญิงวราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล (หมอกระต่าย) แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจักษุวิทยา กำลังเดินข้ามถนนทางม้าลาย หน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนได้ขี่รถบิ๊กไบค์พุ่งชนเข้าอย่างจัง เป็นเหตุให้หมอกระต่ายต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าในวัยเพียง 33 ปี

หมอกระต่าย เป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ 2 สาขา คือ จอประสาทตาและม่านตาอักเสบ ทั้ง 2 สาขานี้เป็นสาขาเฉพาะทางที่ประเทศไทยกำลังขาดแคลนแพทย์ สาขาจอตาในประเทศมีแพทย์ประมาณ 100 คน และสาขาม่านตาอักเสบ ในประเทศไทยมีแพทย์ไม่ถึง 50 คน

การเสียชีวิตของหมอกระต่ายทำให้เกิดอิมแพ็กอย่างมากต่อสังคม กลุ่มเพื่อนหมอกระต่ายได้รวมตัวกันในชื่อกลุ่ม Rabbit Crossing ทางกระต่าย เรียกร้องทางม้าลายปลอดภัย ไม่ใช่แค่เส้นที่ขีดบนถนน นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักและป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้น ‘หยุดการสูญเสีย…เพราะทุกชีวิตมีความหมาย’

ล่าสุดคดีนี้อยู่ในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งเบื้องต้นศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี 30 วัน ปรับ 8,000 บาท แต่ส.ต.ต.นรวิชญ์ ผู้เป็นจำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษจำคุก 1 ปี 15 วัน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกไม่รอลงอาญา พร้อมสั่งเพิกถอนใบอนุญาตใบขับขี่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์

ส.ต.ต.นรวิชญ์ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยใช้ตำแหน่งราชการของบิดาและผู้บังคับบัญชาเป็นหลักทรัพย์ ศาลอาญาให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ตีราคาประกัน 200,000 บาท

ส่วนคดีฟ้องแพ่งเรียกเงินค่าเสียหายจาก ส.ต.ต.นรวิชญ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร 72 ล้าน รวมเป็นเงินรวม 144 ล้านบาท โดยคิดประเมินจากศักยภาพการทำงานของหมอกระต่าย ที่จะทำคุณประโยชน์กับตัวเอง ครอบครัว และประเทศชาติ ถึงเกษียณอายุการทำงาน อาจสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

เหตุการณ์รถชนคนข้ามถนนบนทางม้าลายยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้หลายฝ่ายจะพยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ตราบใดที่ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่เคารพกฎหมาย ไม่มีจิตสำนึกที่ดี ก็ยากที่จะแก้ไข

ข่าวที่เกี่ยวข้อง https://workpointtoday.com/explainer-policeman/

  • ไฟไหม้ผับเมาน์เทน บี ซ้ำรอยซานติก้าผับ

ที่สุดแห่งปีเรื่องที่ 3 ยกให้เหตุการณ์ไฟไหม้ผับเมาน์เทน บี จ.ชลบุรี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2565 มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 13 คน บาดเจ็บกว่า 50 คน ในจำนวนผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัสต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 21 ราย ขณะทำการรักษาผู้บาดเจ็บสาหัสทยอยเสียชีวิตอีกหลายราย หลายคนออกมาระบุว่า ไฟไหม้ครั้งนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับเหตุไฟไหม้ ซานติก้าผับ เขตวัฒนา กทม. เมื่อปี 2552 ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตมากถึง 61 คน บาดเจ็บกว่า 200 คน

เกิดขึ้นอะไรขึ้นภายในผับเมาน์เทน บี จากการสอบสวนทราบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในผับเมาน์เทน บี รวดเร็วและรุนแรงมาก ช่วงประมาณ ตี 1 เกิดมีประกายไฟขึ้นบนฝ้าเพดานตามมาด้วยเสียงระเบิด จากนั้นเปลวไฟได้ลุกไหม้ลามจากหลังคาไปทั่วบริเวณ กินเวลากว่า 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นนักเที่ยวกว่า 100 ชีวิต พยายามหนีเอาชีวิตรอด แต่สถานบันเทิงแห่งนี้มีทางที่จะออกได้เพียงช่องทางเดียว ที่เหลือถูกล็อกกุญแจ

เมื่อเหตุการณ์สงบลงพบร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมด 13 คน หน่วยกู้ภัยเข้าไปตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตบริเวณหน้าประตู 4 คน, ในห้องน้ำชาย 3 คน, หลังบูทดีเจ 1 คน, ในแคชเชียร์ 2 คน และหน้าแคชเชียร์ 3 คน ทั้งหมดอยู่ในสภาพถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียมทั้งตัว ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตอายุน้อยสุดคือ 17 ปี

ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมจึงอนุญาตให้เด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์เข้าสถานบันเทิงได้ และหน่วยงานราชการหละหลวมในการตรวจสอบควบคุมมาตรฐานของสถานบันเทิงหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบพบว่า อาคารถูกดัดแปลงต่อเติมให้กลายเป็นอาคารปิดโดยผิดกฎหมาย ตัวผังของอาคารมีทางเข้า-ออก รวม 3 ทาง แต่ในวันเกิดเหตุใช้ได้จริงเพียง 1 ช่องทาง ที่เหลือถูกใส่กุญแจและมีตู้กีดขวาง ไม่สามารถเข้าออกได้ มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อเปิดสถานบันเทิงหรือเปล่า ทั้งหมดเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

สำหรับคดีนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีกับเจ้าของสถานบันเทิงตัวจริง และกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันเรียกร้องเงินเยียวยาที่เป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาทางร้านมอบเงินเยียวยาในส่วนผู้เสียชีวิตครั้งแรก 18 ราย รายละ 50,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บให้การช่วยเหลือบางส่วน รวมเป็นเงินแล้วกว่า 1,583,000 บาท

เชื่อว่าหากหน่วยงานรัฐผู้เป็นเจ้าของพื้นที่กวดขันอย่างรัดกุม ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อเงินใต้โต๊ะ ออกใบอนุญาตถูกต้อง ตรงประเภท มีมาตรการรับมืออุบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้น จะสามารถลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้

  • แตงโม-นิดา เสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม

การเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ตจมแม่น้ำเจ้าพระยา ถือเป็นคดีมหากาพย์คดีหนึ่งที่คนทั้งประเทศให้ความสนใจ และคดีนี้ใกล้ปิดฉากลงแล้วเมื่อ คุณแม่-ภนิดา ศิระยุทธโยธิน หรือแม่แตงโม พอใจยอมรับเงื่อนไขค่าสินไหมรวม 9.2 ล้านบาท และเงิน 30,000 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 20 ปี แลกกับการไม่ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องในคดีการเสียชีวิตของลูกสาว และขอให้ยุติความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น

การเสียชีวิตของแตงโมเป็นที่สนใจของสังคม มีนักสืบโซเชียลมากมายพยายามไขปริศนาที่เกิดขึ้นกับการเสียชีวิตของแตงโม เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะมีความเคลือบแคลงและน่าสงสัยเต็มไปหมด ทั้งเรื่องเพื่อน-แม่ และทนายความ ไม่นับรวมพวกคลิปที่ถูกส่งต่อกันในโซเชียลสร้างความสับสนให้กับสังคม และมีการแบ่งฝ่ายถกเถียงกันผ่านสื่อออนไลน์ กลายเป็นเรื่องราวให้ฟ้องร้องยืดเยื้อกันต่อไปอีก

ย้อนกลับไปวันที่ 24 ก.พ. 2565 แตงโมประสบอุบัติเหตุตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างล่องเรือถ่ายรูปบริเวณสะพานพระราม 7 ช่วงกลางดึก เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งและเริ่มปฏิบัติการค้นหาทันทีทั้งที่ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าแตงโมตกเรือจุดใด ขณะที่เพื่อนบนเรือทั้ง 5 คน ไม่ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ และมีความพยายามบ่ายเบี่ยงในการเข้าให้ปากคำตำรวจ

หน่วยกู้ภัยต้องใช้เวลาถึง 38 ชั่วโมงจึงพบร่างของแตงโมในวันที่ 26 ก.พ. 2565 เวลาประมาณ 13:10 น. โดยร่างของแตงโมลอยขึ้นผิวน้ำใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม จ.นนทบุรี พฤติการณ์และพฤติกรรมของเพื่อนที่อยู่บนเรือทำให้หลายคนเชื่อว่าเป็นเหตุฆาตกรรมมากกว่าอุบัติเหตุทั่วไป และไม่มีความเป็นไปได้ที่แตงโมจะไปนั่งฉี่ท้ายเรือจนเป็นเหตุให้ตกน้ำเสียชีวิต นอกจากนี้ยังพบข้อพิรุธหลายจุด

ตำรวจได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำและนำไปสู่การตั้งข้อหาในคดีการเสียชีวิตของแตงโม โดยอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน คือ ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์, โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์, จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร, กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์, แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์, และเอ็ม-ภีม ธรรมธีรศรี ผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้อยู่บนเรือ แต่เป็นผู้ที่ให้คำแนะนำคนบนเรือในการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้อหาหลักๆ คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา

คดีนี้ตำรวจใช้เวลานานกว่า 7 เดือน สรุปผลการสืบสวนสอบสวนให้เป็นเรื่องของความประมาท และในการแถลงข่าวความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของแตงโมในแต่ละครั้งเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน ทั้งเรื่องคุณแม่ ทนายของคุณแม่ ผู้ต้องหาที่เป็นทั้งลูกรักและลูกชัง อีกทั้งตำรวจที่ทำคดีมีการนำเสนอผลงานการสอบสวนและแถลงในรูปแบบคลิปวิดีโอที่มีการจำลองเหตุการณ์ตัดต่อพร้อมใส่กราฟิกมาอย่างน่าสนใจ

ล่าสุดคดีได้ขึ้นสู่ชั้นศาลและใกล้ได้ข้อยุติแล้ว โดยก่อนหน้านี้ (21 ก.ย. 2565) ศาลจังหวัดนนทบุรีนัดสอบปากคำและไกล่เกลี่ยระหว่างจำเลยทั้ง 6 คนกับแม่แตงโม การเจรจาจบลงด้วยดี คุณแม่ยอมรับข้อเสนอที่จำเลยจะจ่ายค่าสินไหมให้รวม 9.2 ล้านบาท โดยวางเงินต่อศาล 2 ล้านบาท, เงินสด 4 แสนบาท, แคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ ฉบับละ 8 แสนบาท พร้อมทำสัญญาดูแลคุณแม่เดือนละ 30,000 บาท เป็นเวลา 20 ปี หรือจนกว่าจะเสียชีวิตโดยไม่ตกถึงทายาท รวมต่างหูมุกแทนใจอีก 1 คู่จากแซนและกระติก ซึ่งคุณแม่บอกว่า ไม่โกรธ ให้อภัยทุกคน และยินยอมจะถอนตัวจากการเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง https://workpointtoday.com/tangmo-23/

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า