SHARE

คัดลอกแล้ว

เป็นสัปดาห์ที่น่าจับตาเรื่องประกันสังคมและกองทุนสุขภาพ เนื่องจากวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการประกันสังคม ชี้ชะตาการปรับสูตรบำนาญชราภาพใหม่ หลังตีกลับการพิจารณาเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่ายังไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจโดยรวมได้ ขณะที่วันที่ 12 มี.ค. นี้ กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะมีการหารือการควบรวมสิทธิประโยชน์

ในรอบเดือนที่ผ่านมาก็มีกระแสตั้งแต่เรื่องการใช้งบประมาณอย่างการทำปฏิทิน ทำแอปพลิเคชัน หรือการดูงานต่างประเทศว่าเหมาะสมหรือไม่ และสิทธิของผู้ประกันสังคมที่ตกหล่น รายการ HEADLINE สำนักข่าว TODAY ชวนมองหาทางออกจากข้อเสนอของฝ่ายต่างๆ เพื่อไม่ให้กองทุนประกันสังคมล้มละลาย

[จับตาเงินบำนาญชราภาพ ม.39]

กองทุนประกันสังคมที่มีสมาชิกจ่ายเงินอยู่กว่า 20 ล้านคน หลักๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 พนักงานหรือลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในบริษัท, มาตรา 39 อดีตพนักงานที่อาจถูกเลิกจ้างหรือลาออกไปแล้วแต่ยังคงจ่ายเงินสมทบ และ มาตรา 40 ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ ไม่มีนายจ้าง แต่จ่ายเงินสมทบรายเดือนเพื่อเข้าประกันสังคม

สำหรับประเด็นเงินบำนาญชราภาพที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือเงินที่ประกันสังคมจะจ่ายให้กับกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 39 กลุ่มดังกล่าวเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 มาก่อน เมื่อลาออกหรือถูกเลิกจ้างและจ่ายเงินสมทบต่อ เกณฑ์บำนาญชราภาพจะนำฐานเงินเดือน 60 เดือนสุดท้ายมาคำนวณ และมีการกำหนดเพดานไม่เท่ากัน แบบมาตรา 39 ฐานเงินเดือนที่จะถูกนำไปพิจารณาจะมีเพดานอยู่ที่ 4,800 บาทเท่านั้น ต่างกับผู้ประกันตนในมาตรา 33 ที่มีเพดานอยู่ที่ 15,000 บาท

ทำให้มีข้อวิจารณ์ว่าไม่ยุติธรรม เพราะเท่ากับว่า เงินที่พวกเขาเคยส่งมากกว่านี้ตอนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หายไปเลยหรือไม่ ที่ผ่านมาจึงมีข้อเสนอจาก ‘ทีมประกันสังคมก้าวหน้า’ ให้ใช้วิธีคำนวณจากนำฐานเงินเดือน 60 เดือนสุดท้ายมาคำนวณ เป็นคำนวณด้วยการเฉลี่ยเงินเดือนตลอดอายุการทำงาน ตั้งแต่เดือนแรกที่เริ่มส่งเงินสมทบจนถึงเดือนสุดท้ายแทน

การปรับสูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพใหม่นี้ ผ่านความเห็นชอบของอนุกรรมการแล้วเมื่อเดือน ต.ค. 2567 อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) ชุดใหญ่ เลื่อนวาระไปพิจารณาในวันที่ 11 มี.ค. นี้แทน

[หารือควบรวมสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสุขภาพ]

อีกหนึ่งประเด็นที่มีการเรียกร้องให้ควบรวมสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาล โดยหวังว่าจะนำเอาสิทธิประโยชน์ประกันสังคมจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) มารวมกับสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสิทธิการรักษาข้าราชการ จากกระทรวงการคลัง ทั้งสามฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะมีการหารือกันในวันที่ 12 มี.ค. นี้

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธาน บอร์ดสปสช. ระบุว่าได้รับหนังสือจากกองทุนประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการว่ายังไม่พร้อม ก็ต้องรอจนกว่าแต่ละหน่วยงานพร้อมค่อยมาคุยกัน

ทางด้าน พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังคงให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่าจะหารือเรื่องการควบรวมสิทธิประโยชน์เหล่านี้ในวันที่ 12 มี.ค. โดยมีพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการหารือร่วมกัน

[ประกันสังคม ถ้าไม่ปรับ ก็ไม่รอด]

จากสถานะกองทุนประกันสังคม ณ สิ้นปี 2567 มีเงินสะสมจากผู้ประกันตนและผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนรวมอยู่ที่ 2,657,245 ล้านบาท ขณะที่พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่าผลตอบแทนจากการลงทุนมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ต้องสร้างดอกผลให้มากกว่านี้ เพราะต่อไปแนวโน้มสังคมไทยจะมีคนเกษียณมากขึ้น เมื่อเกษียณมาก ประกันสังคมก็ต้องจ่ายมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งคาดว่าในปี 2568 จะได้ผลตอบแทนเกิน 5%

อย่างไรก็ตาม ณภูมิ สุวรรณภูมิ นักคณิตศาสตร์ประกันภัย กองวิจัยและพัฒนา สำนักงานประกันสังคมโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ถ้าไม่ปรับปรุงใดๆ กองทุนบำนาญจะหมดภายใน 30 ปี จากนั้นต้องขึ้นเงินสมทบแบบก้าวกระโดด เพื่อให้พอจ่ายเป็นรายปี ซึ่งจะมีทั้งผู้ที่ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์ในเวลาเดียวกัน

“คนที่เกษียณเร็วๆ นี้ได้เงินเต็มๆ ใครเสีย? คนรุ่นใหม่ต้องจ่ายหนักขึ้น หรือเริ่มรับบำนาญช้าลง การเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน ช่วยได้ แต่ต้องถึง 8-10% ต่อปี ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้” ณภูมิ ระบุ

นอกจากนั้นเงินที่นำไปลงทุนยังขาดเงินสมทบจากรัฐบาลที่ยังคงค้างจ่าย ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 รัฐบาลต้องร่วมใส่เงินด้วย 2.75% แต่ที่ผ่านมายังคงมีตัวเลขที่รัฐค้างจ่ายสำนักงานประกันสังคมถึง 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจทำให้สำนักงานประกันสังคมต้องนำเงินสำรองเพื่อจ่ายสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตน และกระทบต่อการบริหารจัดการได้

ไม่ว่าจะเป็นการปรับระบบราชการ หรือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหาร ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หาวิธีเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน การมีบุคลากรอย่างนักคณิตศาสตร์ประกันภัยมืออาชีพ ที่จะช่วยปรับโครงสร้างกองทุนให้มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวได้ ทั้งหมดนี้ต้องมีการเร่งหาทางออกเพื่อให้กองทุนประกันสังคมสามารถตอบโจทย์แก่ผู้ประกันตนอย่างแท้จริง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า