จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม นางรัศมี มุลิจันทร์ ได้ที่สถานีรถไฟปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยพลเมืองดีช่วยชี้เบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ แต่อีกด้านมีการตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ขายตั๋วของการรถไฟ ที่ไม่มีการตรวจบัตรประชาชนหรือสังเกตผู้มาซื้อตั๋วรถไฟ จนปล่อยให้นายสมคิด ขึ้นรถไฟไปแล้วเกือบ 4 ชั่วโมง และตั้งข้อสังเกตว่าถ้าหากนายสมคิด ลงรถไประหว่างทางอาจจะยังจับตัวไม่ได้
วันที่ 20 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ แต่ไม่พบพนักงานที่ขายตั๋วในวันดังกล่าวเพราะไม่ได้เข้าเวร เนื่องจากช่วงกลางวันจะมีพนักงานขายตั๋วเข้าเวร 3 คน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น. กะกลางคืนเข้าเวรตั้งแต่เวลา 18.00 – 06.00 น. แต่เพื่อนพนักงานขายตั๋วให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะพนักงานขายตั๋วด้วยกันรู้สึกเสียใจและน้อยใจที่ถูกโซเชียลตำหนิแบบเสียหาย ขอชี้แจงว่าพนักงานทำหน้าที่ตามระเบียบข้อกำหนดของการรถไฟ คือ การขายตั๋วขบวนธรรมดาไม่ต้องขอดูบัตรประชาชนจากผู้ที่มาซื้อตั๋ว และในวันนั้นตามที่ปรากฎในวงจรปิดก็ใช้เวลาขายตั๋วต่อผู้โดยสาร 1 คน ไม่ถึง 1 นาที จึงไม่มีเวลาที่จะไปจ้องมองหน้าใคร โดยเฉพาะนายสมคิดที่ปิดบังใบหน้ามาอย่างมิดชิด
“บางทีการขายตั๋วโดยสารจะไปมองหน้าผู้โดยสารมากเกินไปก็เกิดความไม่พอใจ เราจะไปก้าวก่ายเขามากเกินไปก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นฝ่ายให้บริการต้องทำพอเหมาะพอควร อย่างผู้โดยสารถ้าเขาปิดแมสมาจะไปขอเขาเปิดดูก็กระทบสิทธิส่วนบุคคล”
“เราทำหน้าที่แค่ขายตั๋ว ไม่ได้ทำหน้าที่จับคนร้าย ที่มาบอกว่าทอนเงินให้ผู้โดยสาร อยู่กับผู้โดยสารมากที่สุด ขายตั๋วจริงๆ แล้วอยู่กับผู้โดยสารไม่ถึง 1 นาทีต่อคน ”
ด้านนายบรรจง จันทร นายสถานีรถไฟบุรีรัมย์ กล่าวว่า ในฐานะผู้รับผิดชอบ ขอชี้แจงดังนี้ 1.ระเบียบของการรถไฟแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการจำหน่ายตั๋วชั้นสามกับรถโดยสารธรรมดาและซื้อตั๋วในวันเดินทางไม่ต้องแสดงบัตรประชาชน 2.ผู้ต้องหาใส่หมวกสวมหน้ากากอนามัยปิดใบหน้า จึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่ชัดเจน 3.ระยะเวลาที่มาซื้อตั๋วใช้เวลาหน้าช่องจำหน่ายตั๋วเพียง 1 นาที ซึ่งไม่มีเวลาที่จะทันได้สังเกตความผิดปกติ
อย่างไรก็ตามได้สอบถามพนักงานที่จำหน่ายตั๋วแล้วเหตุที่ไม่ได้สังเกตและเฝ้าระวัง เพราะไม่ได้ติดตามข่าวสารจากทางสื่อต่างๆ รวมทั้งไม่ได้รับแจ้งจากผู้เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังผู้ต้องหารายนี้ด้วย ซึ่งสถานีรถไฟบุรีรัมย์ยินดีน้อมรับคำติชมและจะนำไปปรับปรุงการทำงานเพื่อให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจสูงสุด
ต่อมา เจ้าหน้าที่สาวของการรถไฟ ที่ขายตั๋วให้กับนายสมคิด พุ่มพวง กล่าวทั้งน้ำตาถึงการที่ถูกวิจารณ์ว่า รู้สึกน้อยใจ เพราะขายตั๋วไม่มีเวลาที่จะไปจ้องมองหน้าใคร โดยเฉพาะนายสมคิด ที่ปิดบังใบหน้ามาอย่างมิดชิด ที่จริงแล้วก่อนที่จะมาถึงคนขายตั๋ว ผ่านเจ้าหน้าที่มาหลายฝ่าย และผ่านมาตั้งหลายจังหวัด ซึ่งจังหวัดเหล่านั้นใกล้กับจุดที่เกิดเหตุด้วยซ้ำ อยากให้สังคมเห็นใจ เพราะถ้ารู้ก็อยากจะได้ 50,000 บาทเหมือนกัน