เกาหลีใต้ตั้งกรรมการถกยุทธศาสตร์อยู่ร่วมกับโควิด-19 เตรียมกลับสู่ภาวะปกติ หลังฉีดวัคซีนให้ประชาชนเกือบ 80%

เกาหลีใต้ตั้งคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์อยู่ร่วมกับโควิด-19 เตรียมพร้อมเปิดเศรษฐกิจประเทศ หลังอัตราการฉีดวัคซีนคืบหน้า 

วันที่ 14 ต.ค. 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีใต้ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์อยู่ร่วมกับโควิด-19 ในระยะยาวขึ้นมา โดยมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันโควิด-19 ที่ใช้มานานเกือบ 2 ปี ให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง 

คณะทำงานดังกล่าวจัดประชุมเพื่อหารือแนวทางยุทธศาสตร์เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) โดยมีนายกรัฐมนตรีคิม บู-คยอม นั่งเป็นประธาน ร่วมกับคณะกรรมการที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้เชี่ยวชาญจากภาคพลเรือน 

นายกรัฐมนตรีคิม บู-คยอม กล่าวในที่ประชุมว่า เราจะทำให้โควิด-19 เป็นโรคติดเชื้อที่ควบคุมได้ และไม่ต้องกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้เกี่ยวกับโรคนี้อีกต่อไป เพื่อให้พลเมืองเกาหลีใต้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้อย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเลิกใส่หน้ากากอนามัยทันที พร้อมระบุว่า รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องเตรียมพร้อมเช่นกันหากสถานการณ์การแพร่ระบาดกลับมาเลวร้ายลงอีก

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางการเกาหลีใต้มีขึ้น ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น แม้จะหยุดชะงักลงในช่วงแรกเนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัคซีน โดยจากข้อมูลที่มีการเปิดเผยล่าสุด ขณะนี้มีชาวเกาหลีใต้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม คิดเป็น 78.1% และผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม 60.7% ของประชาชนทั้งหมดในประเทศ 

ขณะที่สำนักข่าวยอนฮับ สื่อเกาหลีใต้ ได้ออกมารายงานถึงยุทธศาสตร์ใหม่นี้ว่า รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 สำหรับประชาชนที่ฉีดวัคซีนต้านโควิดครบแล้ว และสนับสนุนให้ผู้ป่วยโควิดที่มีอายุต่ำกว่า 70 ปี ที่ไม่แสดงอาการและไม่มีอาการเจ็บป่วยรุนแรงพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน อีกทั้งจะให้ความสำคัญกับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและตัวเลขผู้เสียชีวิต มากกว่ายอดผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งต่อไปอาจจะไม่มีการรายงานตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ทุกวัน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเกาหลีใต้ไม่เคยบังคับใช้การล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ แต่อยู่ภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวดที่สุดมาตั้งแต่เดือนก.ค. รวมถึงการจำกัดเวลาเปิดให้บริการร้านอาหาร, คาเฟ่, ซาวน่า และสถานออกกำลังกายในร่ม นอกจากนี้ ยังห้ามไม่ให้มีการรวมตัวมากกว่า 2 คน หลังเวลา 18.00 น. ในพื้นที่กรุงโซลและบริเวณโดยรอบ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจส่วนตัวและธุรกิจขนาดเล็ก