เกาหลีใต้เข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) อย่างเต็มรูปแบบ หลังประชากรอายุมากกว่า 65 ปี ครองสัดส่วน 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ เรื่องนี้สำคัญยังไง เราพาไปหาคำตอบในโพสต์นี้
รัฐบาลเกาหลีใต้เพิ่งจะออกมาเปิดเผยข้อมูลน่าตกใจเกี่ยวกับจำนวนประชากร โดยระบุว่า ขณะนี้ เกาหลีใต้มีประชากรสูงวัย ที่มีอายุมากกว่า 65% จำนวน 10,244,550 คน หรือคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งประเทศ ที่มีอยู่ 51,221,286 คน
ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเกณฑ์สูงสุดขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่มีการแบ่งระดับขั้นการเป็นสังคมผู้สูงอายุ จากการพิจารณาสัดส่วนประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปดังนี้
- ประเทศที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป ในสัดส่วนมากกว่า 7% เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ ถือว่าเป็น “สังคมสูงวัย”
- ประเทศที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป ในสัดส่วนมากกว่า 14% ถือว่าเป็น “สังคมสูงวัยเต็มขั้น”
- ประเทศที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป ในสัดส่วนมากกว่า 20% ถือเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด”
ส่งผลให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียที่เข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอดตามหลังญี่ปุ่นและนับว่าเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องรีบหาทางรับมือ
ชาวเกาหลีใต้อายุยืนมากกว่าที่คาดไว้
ความน่าสนใจของการเปิดเผยล่าสุดนี้ คือหากย้อนไปดูสถิติจำนวนประชากรของเกาหลีในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา จะพบว่า เกาหลีใต้มีจำนวนประชากรที่เป็นผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ประชากรสูงวัยครองสัดส่วนทะลุ 10% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศไปเมื่อปี 2008
โดยแค่ 4 ปีหลังจากนั้น ในปี 2011 สัดส่วนประชากรสูงวัยในเกาหลีใต้ก็เพิ่มขึ้นมาเป็นมากกว่า 15% ถือว่าเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มขั้น ก่อนที่จะมาทะลุ 19% เมื่อต้นปีนี้ และเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอดในปลายปี 2024 ซึ่งเร็วกว่าที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เคยคาดการณ์ไว้ว่าประเทศจะกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอดอย่างสมบูรณ์ในปี 2025
ที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะในเวลาแค่ 16 ปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้มีประชากรสูงอายุในประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จากราวๆ 4.95 ล้านคนในปี 2008 มาเป็นกว่า 10.24 ล้านคนในปี 2024
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น คือมีการคาดการณ์ว่า หากสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป คาดว่า ประชากรสูงอายุในเกาหลีใต้จะเพิ่มเป็น 25.3% ภายในปี 2030 และจะพุ่งขึ้นมาเป็น 40.1% ภายในปี 2050
ระเบิดเวลาด้านประชากรลูกใหญ่
การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยระดับสุดยอดไม่ใช่แค่ปัญหาเดียวที่เกาหลีใต้กำลังเผชิญเพราะในช่วงเวลาเดียวกันนี้เกาหลีใต้ก็กำลังพยายามแก้ไขปัญหาอัตราการเกิดต่ำที่กำลังเข้าขั้นวิกฤติเช่นเดียวกัน
แม้ที่ผ่านมารัฐบาลเกาหลีใต้จะพยายามหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาตลอดด้วยการออกมาตรการต่างๆมากระตุ้นให้ประชาชนมีลูกกันมากขึ้น
โดยมีการเปิดเผยออกมาเมื่อปี 2022 ว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ทุ่มงบประมาณมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยได้เกือบ 7 ล้านล้านบาท ไปกับความพยายามในการกระตุ้นให้คนมีลูก ผ่านโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การขยายระยะเวลาลาคลอดแบบมีเงินเดือน, มอบคูปองเงินสดสำหรับเด็กแรกเกิดรวมไปถึงการรณรงค์ทางสังคมให้ผู้ชายมาช่วยดูแลลูกและทำงานบ้าน
แต่แนวทางเหล่านั้นกลับดูเหมือนว่าจะยังไม่ค่อยได้ผล เพราะเมื่อปี 2023 เกาหลีใต้มีอัตราการเกิดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์จนทำให้ประธานาธิบดียุนซอกยอลต้องออกมาประกาศให้ภาวะฉุกเฉินด้านประชากรศาสตร์เป็นวาระแห่งชาติ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าปัญหานี้ยังไม่ถูกแก้ไข
ในความเป็นจริง วิกฤติด้านประชากรศาสตร์ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่เกาหลีใต้ แต่หลายประเทศยุโรป และเอเชีย รวมถึงไทย ก็กำลังเผชิญ และหาทางรับกับปัญหานี้เช่นเดียวกัน
เพราะสิ่งสำคัญก็คือผลกระทบที่จะตามมาจากการความเหลื่อมล้ำระหว่างสัดส่วนประชากรอายุน้อยกับผู้สูงอายุที่ห่างออกจากกันเรื่อยๆ
หนึ่งเรื่องที่จะเห็นได้ชัดเจนจากการที่สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นก็คือทำให้ประชากรที่อยู่ในวัยทำงานจะต้องแบกรับภาระมากขึ้นทั้งในระดับครอบครัวที่อาจจะต้องมีการดูแลผู้สูงอายุภายในบ้านและระดับประเทศจากการแบกรับภาระทางภาษีเพราะว่ารัฐบาลก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นภาษีเพื่อมาเป็นงบประมาณสำหรับการดูแลผู้สูงอายุที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ยังไม่รวมถึงปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานจะเป็นอีกปัญหาใหญ่ตามมาซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวและการพัฒนาประเทศหยุดชะงัก
เรียกร้องรัฐบาลรีบแก้ไขก่อนไม่ทันการ
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ปัญหาใหม่แต่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังรอการแก้ไขทำให้ที่ผ่านมามีทั้งคำแนะนำและความพยายามกระตุ้นให้รัฐบาลเกาหลีใต้เร่งหาทางแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน
โดย คิม มิน แจ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยเกาหลีใต้ ระบุในแถลงการณ์ที่ออกมาพร้อมรายงานจำนวนประชากรฉบับล่าสุดนี้ แนะนำว่ารัฐบาล “ควรต้องเปลี่ยนแปลงรากฐานและระบบนโยบาย ตลอดจนจัดตั้งหน่วยงานมาดูแลวิกฤติด้านประชากรโดยเฉพาะ ในขณะที่เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ ที่มีสัดส่วนประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปเกิน 20%”
แต่แม้ว่าคำแนะนำนี้ จะสอดคล้องกับข้อเสนอที่ ประธานาธิบดียุน ซอก ยอล เคยเสนอไปยังรัฐสภาตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมาให้ดำเนินศึกษาการตั้งกระทรวงเพื่อมาดูแลด้านประชากรศาสตร์
ในเวลานี้ ต้องบอกว่าแผนการตั้งกระทรวงใหม่กำลังหยุดชะงัก เนื่องจากเกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง หลังจาก ประธานาธิบดียุนถูกลงมติถอดถอนจากตำแหน่ง จากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
นี่เป็นอีกเรื่องที่ต้องจับตาว่ารัฐบาลเกาหลีใต้จะดำเนินการอย่างไรในขณะที่ประเทศกำลังวิกฤติการเมืองอย่างรุนแรง