SHARE

คัดลอกแล้ว

กรณี “น้องโทนี่” ด.ญ.วัย14 ปีที่มีอาการกระดูกสันหลังคดงอ โดยผู้เป็นแม่เชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการสะพายกระเป๋านักเรียนหนักเป็นเวลานาน เข้าพบแพทย์โรงพยาบาลชุมแพ เพื่อตรวจร่างกายและวางแนวทางในการรักษาแล้ว โดยแพทย์กระดูกยืนยันกระเป๋าหนักไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้กระดูกคดงอได้

วันที่1 ส.ค. ผู้ปกครองของน้องโทนี่ อายุ14 ปี ชาวอำเภอชุมแพ จ.ขอนแก่น พาลูกสาวที่มีอาการกระดูกสันหลังคดงอเข้าพบแพทย์หญิงดวงพร อัศวราชันย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น และนายแพทย์วรการ ครุวาทนนท์ แพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ แพทย์ที่ทำการรักษาโรคกระดูก โรงพยาบาลชุมแพ เพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายอย่างละเอียด หลังจากเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ปกครองได้พาน้องโทนี่ไปเข้ารับการรักษาอาการไข้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองขอนแก่น แพทย์ได้เอ็กซเรย์ปอดทำให้พบว่า กระดูกสันหลังน้องโทนี่มีลักษณะคดงอ ซึ่งผู้ปกครองน้องโทนี่เชื่อว่า น่าจะมีสาเหตุมาจากการที่ลูกสาวสะพายกระเป๋านักเรียนที่มีน้ำหนักมาก เนื่องจากต้องจัดตารางเรียนวันละ 8 วิชามีสมุดและหนังสืออย่างน้อย 8 เล่มรวมน้ำหนักกระเป๋าที่ต้องสะพายไปโรงเรียนแต่ละวันประมาณ 10 กิโลกรัม ซึ่งที่ผ่านมาลูกมักจะบ่นว่าปวดหลังอยู่เรื่อยๆ ซึ่งภายหลังการตรวจร่างกายน้องโทนี่ ทางโรงพยาบาลชุมแพ ได้ร่วมกันแถลงผลการตรวจร่างกายของน้องโทนี่ต่อสื่อมวลชน

นายแพทย์วรการ แพทย์ออร์โธปิดิกส์ กล่าวว่า จากการเอ็กซเรย์พบว่าจุดที่กระดูกสันหลังเกิดการคดงออยู่ที่บริเวณระดับหน้าอก มีการคดงอประมาณ 27.6 องศา เอียงไปทางขวา อยู่ในระยะที่ไม่รุนแรงจนถึงขั้นต้องผ่าตัดจัดเรียงกระดูกใหม่ ส่วนสาเหตุของการคดงอนั้น จากการตรวจระบบประสาทของน้องโทนี่ก็ไม่พบว่ามีความผิดปกติที่จะเป็นปัจจัยทำให้เกิดการคดงอของกระดูกสันหลังตามที่มีการสันนิษฐานได้ และยืนยันว่าการสะพายกระเป๋าหนักๆ ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้กระดูกสันหลังคดงอได้ แต่จะทำให้เกิดการปวดเหมื่อยกล้ามเนื้อเท่านั้น

ที่สำคัญคือยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่าการสะพายกระเป๋าหนักๆจะส่งผลต่อกระดูกสันหลัง โดยเบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากกรรมพันธุ์หรือไม่ แต่ในทางการแพทย์ระบุได้เพียงว่าเป็นการคดงอแบบไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งแนวทางการรักษาสามารถทำได้ 2 วิธี วิธีแรกคือ การให้ใช้ชีวิตตามปกติแต่อาจจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น หลีกเลี่ยงการแบกของหนัก และจะต้องเข้ามาตรวจดูอาการกับแพทย์ทุกๆ 6 เดือน ส่วนวิธีที่ 2 คือ การสวมเสื้อเกราะทุกวันวันละ 23 ชั่วโมง ซึ่งวิธีนี้จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและจิตใจของผู้สวมใส่ ซึ่งการรักษาทั้ง 2 วิธีจะไม่สามารถทำให้กระดูกสันหลังที่คดงอกลับมาตรงเป็นปกติได้เป็น แต่จะเป็นเพียงการพยุงไม่ให้กระดูกสันหลังที่คดงออยู่แล้ว คดงอมากกว่าเดิมเท่านั้น เบื้องต้นได้ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองของน้องโทนี่แล้วว่าจะรับการรักษาด้วยวิธีการใด

ด้านแพทย์หญิงดวงพร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ระบุว่า โรคกระดูกสันหลังคดงอส่วนใหญ่ที่พบ มักเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉลี่ยในจำนวนประชากร 100 คนจะมีเพียง 2 คนที่ป่วยด้วยโรคนี้ และส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิงที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต มีอายุตั้งแต่ 3 – 18 ปี ซึ่งการรักษาจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบแล้วแต่ว่าการคดงอของกระดูกมากน้อยเพียงใด เช่น หากการคดงอต่ำกว่า 20 องศา ก็จะใช้วิธีการสังเกตอาการและมาตรวจด้วยการเอ็กซเรย์ทุก 6 เดือน แต่หากกระดูกคดงอตั้งแต่ 20 – 40 องศา การรักษาจะใช้วิธีสวมเสื้อเกราะ และหากกระดูกคดงอมากกว่า 40 องศา ก็จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดจัดเรียงกระดูกใหม่

กรณีของน้องโทนี่ถือว่าโชคดีที่การคดงอยังไม่ถึงระดับที่รุนแรง แต่สิ่งที่คนรอบข้างต้องให้ความสำคัญคือสภาพจิตใจของเด็กที่มีอาการป่วยในลักษณะนี้ โดยจะต้องไม่ทำให้เด็กถูกมองว่าเป็นปมด้อย หรือเพื่อนๆ จะต้องไม่ล้อเลียน เพราะอาจทำให้เด็กที่ป่วยเกิดความเครียดและซึมเศร้าได้

อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลชุมแพได้ฝากถึงผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่เป็นผู้หญิง อายุระหว่าง 10 – 18 ปีให้สังเกตบุตรหลานของตนเองว่ามีอาการกระดูกสันหลังคดงอหรือไม่ โดยการตรวจคัดกรองด้วยการให้บุตรหลานถอดเสื้อออก ยืนตัวตรงแล้วก้มลงเอาปลายนิ้วมือแตะที่พื้น แล้วให้ผู้ปกครองหรือคนใกล้ชิดยืนอยู่ด้านหลัง หากกระดูกสันหลังมีความผิดปกติ เช่น คดงอ ก็จะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน และหากพบแล้วก็ควรรีบพาไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษาได้ทันท่วงที เพราะหากปล่อยไว้นานจนอายุย่างเข้า 20 ปี การรักษาก็จะทำได้ยาก

ด้านผู้ปกครองของน้องโทนี่ กล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกสบายใจมากขึ้น หลังจากพาลูกสาวเข้าตรวจร่างกายกับแพทย์ ทำให้ทราบแน่ชัดว่าการคดงอของกระดูกสันหลังไม่ได้มาจากน้ำหนักกระเป๋า ส่วนวิธีการรักษาตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจเพราะอยากปรึกษาพูดคุยกับลูกสาวก่อนและจะมาพบแพทย์ตามนัดอีกครั้ง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า