Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

นายกฯ ห่วงเหตุน้ำมันรั่วซ้ำที่ระยอง สั่งการระดมทุกหน่วยงานเร่งแก้ไข ลดผลกระทบประชาชน ด้านกรมเจ้าท่าเข้าแจ้งความ สตาร์ ปิโตรเลียมฯ ทำน้ำมันรั่วซ้ำ รวม 4 ข้อหา 

วันที่ 11 ก.พ. 2565 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า(จท.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณี บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ทำน้ำมันรั่วซ้ำตรงบริเวณเดิม ห่างจากทุ่นที่รั่ว ไกลจากฝั่งประมาณ 25 กิโลเมตรว่าเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาจังหวัดระยอง ได้มอบอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรมาบตาพุด กรณีเหตุน้ำมันรั่วไหล วันที่ 10 ก.พ.2565 บริเวณทุ่ม ของ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)

เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ. เวลาประมาณ 09.20 น. เกิดเหตุน้ำมันดิบของ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) บริเวณทุ่นเทียบเรือชนิด SINGLE POINT MOORING รั่วไหลลงทะเลน่านน้ำไทย ทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งแวดล้อม หรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ อันเป็นความผิดตามมาตร119 ทวิแห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย(ฉบับที่ 14) พ.ศ.2535 ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง ในฐานะผู้เสียหาย จึงดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับกรรมการบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ผู้กระทำความผิดและบุคคลที่ในส่วนเกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะสิ้นสุด

โดยแบ่งออกเป็น 4 ฐานความผิด คือ 1.ฐานความผิดตามาตรา 119 ทวิแห่ง พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย(ฉบับที่ 14) พ.ศ.2535 กรณีก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นคดีที่ต่างกรรมต่างวาระกับการกระทำผิดซึ่งได้ร้องทุกข์ไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2565

2. ฐานความผิดมาตร 297 แห่งพ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456และแก้ไขเพิ่มเติม ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าท่า ที่สั่งให้ระงับการใช้งานทุ่นเทียบเรือจนกว่าจะซ่อมแซมแก้ไขให้แล้วเสร็จ รวมทั้งจะต้องใช้ความระมัดระวังโดยกำหนดขั้นตอนและวิธีการตลอดจนมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้มีการรั่วไหลในขั้นตอนการแก้ไขหรือซ่อมแซม

โดยจะต้องมีหลักฐานการตรวจสอบที่สามารถยืนยันว่า ไม่มีน้ำมันค้างท่อส่งสินค้า และแจ้งให้สำนักงานเข้าท่าฯ ทราบก่อนดำเนินการทุกครั้ง พร้อมทั้งจัดทำมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหล แต่บริษัทฯ กลับฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่อีกครั้ง รวมทั้งไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีน้ำมันค้างอยู่ในท่อก่อนการดำเนินการ จนเป็นเหตุให้น้ำมันรั่วลงทะเล

3. ในฐานความผิดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานที่ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

4. ฐานความผิดตามกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กฎหมายควบคุมมลพิษ เป็นต้น เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป

ด้านนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความเป็นห่วงถึงเหตุน้ำมันรั่วไหลซ้ำ ซึ่งกรมเจ้าท่าได้เคยมีคำสั่งระงับการใช้งานทุ่นเทียบเรือดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 2565 ส่วนสาเหตุการรั่วไหล เบื้องต้นทราบว่าเกิดจากการที่บริษัทฯ ได้ยกท่ออ่อนขนถ่ายน้ำมันบริเวณทุ่นลอยขนถ่ายน้ำมันกลางทะเล จุดที่พบการรั่วไหลก่อนหน้าขึ้นมาตรวจสอบ แต่พบว่ามีน้ำมันค้างท่ออยู่ จนทำให้เกิดรั่วไหลลงทะเลอีกครั้ง และภายหลังเกิดเหตุกรมเจ้าท่าได้เร่งดำเนินการ ดังนี้

1. ออกประกาศกรมเจ้าท่าให้ระมัดระวังการเดินเรือ และระมัดระวังความปลอดภัย 

2. สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สาขาระยอง ได้แจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ในการกระทำดังกล่าวฝ่าผืนคำสั่งระงับใช้ทุ่นเทียบเรือ และก่อให้เกิดมลพิษฯ 

3. มีหนังสือแจ้งให้บริษัทฯ ดำเนินการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุฯ ในระดับ Tier 1 และแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบเพื่อเตรียมการรองรับเหตุที่เกิดขึ้นกรณีขยายวงกว้าง 

4. ได้สั่งการให้บริษัทฯ เข้าระงับเหตุฯ อาทิ ล้อมบูม จัดเรือสนับสนุน และรายงานผลการทำงาน

 5. กรมเจ้าท่า จัดเรือตรวจการณ์ เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ

นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าเร่งดำเนินการขจัดคราบน้ำมันเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งให้เร่งประสานบริษัทฯ ตรวจสอบจุดที่รั่วไหลว่ายังคงมีปริมาณน้ำมันตกค้างอยู่ในท่ออีกหรือไม่ เพื่อการวางแผนและเตรียมการป้องกันเกิดเหตุซ้ำ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า