SHARE

คัดลอกแล้ว

ศรีลังกากำลังเผชิญกับการขาดแคลนพลังงานอย่างรุนแรง หลังจากที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ส่งผลให้รัฐบาลไม่มีเงินทุนสำรองเพียงพอสำหรับการนำเข้าอาหาร ยารักษาโรค น้ำมัน และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ในขณะที่การไฟฟ้าซึ่งประสบปัญหาขาดทุนหนักเตรียมขอขึ้นค่าไฟ 835%

แม้รัฐบาลศรีลังกาจะพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยการขอกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รวมถึงเงินกู้ช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ แต่วิกฤตการณ์ครั้งนี้ยังคงดูเหมือนจะไม่จบลงง่ายๆ โดยล่าสุดรัฐบาลได้ออกมายอมรับว่า น้ำมันสำรองที่อยู่ในสต็อกกำลังจะหมดลงจนต้องตัดสินใจประกาศงดขายน้ำมันให้กับคนทั่วไปเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยกันไว้สำหรับการบริการที่จำเป็นอย่าง การขนส่งสาธารณะ ยานพาหนะสำหรับใช้งานทางการแพทย์ และยานพาหนะที่ใช้ขนส่งอาหารเท่านั้น

วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นยังถูกซ้ำเติมความบอบช้ำมากขึ้นไปอีก เมื่อบริษัท Ceylon Petroleum Corp ซึ่งเป็นบริษัทปิโตรเลียมแห่งเดียวในประเทศที่บริหารงานโดยรัฐบาล ออกมาประกาศขึ้นราคาน้ำมันอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ (26 มิ.ย.) ทำให้ราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีความสำคัญต่อระบบขนส่งสาธารณะถูกปรับขึ้น 15% เป็น 460 รูปี/ลิตร (1.27 ดอลลาร์ หรือราว 44.70 บาท) ขณะที่น้ำมันเบนซินปรับขึ้นราคาถึง 22% มาอยู่ที่ 550 รูปี/ลิตร (1.52 ดอลลาร์ หรือราว 53.50 บาท)

การประกาศขึ้นราคาน้ำมันรอบล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่ นายกาญจนา วิเจเสเกรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานออกมาเปิดเผยว่า น้ำมันที่จะมีการจัดส่งเข้ามาในประเทศอาจต้องล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากประสบกับปัญหาด้านการเงินและการขนส่ง ในขณะที่ Ceylon Petroleum Corp ยังคงมีหนี้อยู่ถึง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ไม่มีประเทศหรือบริษัทใดยอมขายน้ำมันให้ หากไม่มีการค้ำประกันจากธนาคารระหว่างประเทศ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลศรีลังกาต้องหันมาพิจารณายอมให้บริษัทต่างชาตินำเข้าและจำหน่ายเชื้อเพลิงในประเทศ โดยตั้งเป้าจะเปิดรับบริษัทต่างชาติ 4 ราย เข้ามาดำเนินการในตลาดน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันถูกผูกขาดอยู่โดย 2 บริษัทอย่าง Ceylon Petroleum Corp ที่ครองสัดส่วนในตลาดอยู่ 80% และ Indian Oil Corporation ครองสัดส่วนอยู่ 20% ตามคำแนะนำของนายวิเจเสเกรา ซึ่งให้เหตุผลว่าการเปิดทางให้บริษัทต่างชาติเข้ามาดำเนินการจำหน่ายน้ำมันในสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่ในประเทศจะช่วยคลี่คลายวิกฤตจากหนักให้เป็นเบา

ผลพวงจากการขาดแคลนน้ำมันยังส่งผลกระทบการผลิตไฟฟ้าในประเทศ โดยนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตคณะกรรมการการไฟฟ้าของศรีลังกา (CEB) ประสบกับปัญหาการขาดทุนหนักมาต่อเนื่อง จนล่าสุดต้องขอขึ้นค่าไฟ 835% กับผู้บริโภคพลังงานรายย่อย ทำให้ปัจจุบันผู้ที่ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่า 30 กิโลวัตต์ต่อเดือนจะต้องจ่ายค่าไฟอยู่ที่ 54.27 รูปี (0.15 ดอลลาร์ หรือราว 5.30 บาท) แต่ CEB พยายามที่จะขอขึ้นเป็น 507.65 รูปี (1.44 ดอลลาร์ หรือราว 51 บาท) 

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสาธารณูปโภคของศรีลังกา (PUCSL) ยอมรับว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศไม่มีความสามารถมากพอที่จะรับผิดชอบค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นมากขนาดนี้ได้ จึงมีแผนที่จะขออุดหนุนโดยตรงจากกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าที่กำลังจะเพิ่มขึ้นให้เหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งจากที่ CEB ได้ร้องขอมา

 วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในศรีลังกายังสร้างความกังวลให้กับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยองค์การสหประชาชาติ (UN) ประเมินว่า ชาวศรีลังกาอย่างน้อย 1.7 ล้านคนกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ขณะที่ชาวศรีลังกาถึง 4 ใน 5 คนจำเป็นที่จะต้องลดการบริโภคอาหารลงเนื่องจากเผชิญกับการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงและค่าเงินตกต่ำ 

องค์การสหประชาชาติกำลังดำเนินการเพื่อเปิดระดมทุนฉุกเฉินมูลค่า 47 ล้านดอลลาร์ มามอบความช่วยเหลือแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางในศรีลังกา ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ก็กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับรัฐบาลศรีลังกาเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยจากการเปิดเผยของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำศรีลังกา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ชาวศรีลังกาแล้ว 158.75 ล้านดอลลาร์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า