ประธานาธิบดีศรีลังกายืนยัน ‘ไม่ลาออก’ แม้ผู้ประท้วงกดดันหนัก อ้างประเทศต้องมีผู้นำเพื่อผ่านวิกฤต

ประธานาธิบดีศรีลังกายอมให้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อคืนอำนาจให้สภา แต่ยืนยันไม่คิดลาออกจนกว่าจะครบวาระ อ้างประเทศต้องมีผู้นำต่อไปเพื่อผ่านพ้นวิกฤตเศรษกิจ 

วันที่ 1 มิ.ย. 2565 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา ยังคงยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี แม้ถูกกดดันหนักจากผู้ประท้วงที่ต้องการให้เขาลงจากเก้าอี้ในทันที เนื่องจากไม่พอใจการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลจนทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขั้นรุนแรงขึ้นในประเทศ 

บลูมเบิร์กอ้างการเปิดเผยของนายวิเจดาสา ราชปักษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของศรีลังกาว่า ประธานาธิบดีราชปักษาได้กล่าวกับสมาชิกสภานิติบัญญัติชุดใหม่ที่กำลังจะเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี รวมถึงนายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในระหว่างการประชุมเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมาว่า เขาไม่สามารถลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีได้ แต่ยินยอมที่จะลดอำนาจของตัวเองลง 

นายราชปักษีให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กนิวส์ที่สำนักงานในกรุงโคลัมโบว่า “ประธานาธิบดีราชปักษาจะไม่ลงเลือกตั้งครั้งต่อไป หลังจากที่หมดวาระนี้ แต่เราก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะอยู่ได้ครบวาระหรือไม่ เพราะยังไม่มีอะไรแน่นอน”  

อย่างไรก็ดี แม้ตามกำหนดเดิม ศรีลังกาจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปในเดือนพ.ย. 2566 แต่นายราชปักษีระบุว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อศรีลังกามีสถานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นและประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น 

นายราชปักษีเสริมว่า ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ยินยอมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเพิ่มอำนาจให้กับประธานาธิบดีภายใต้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 กลับมาใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่ 19 ซึ่งมีการจำกัดอำนาจการบริหารของประธานาธิบดีเอาไว้ โดยจะมีการคืนอำนาจบางส่วนให้กับรัฐสภา และให้อำนาจคณะกรรมาธิการสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระในประเด็นที่เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการบริหารประเทศ 

นายราชปักษีกล่าวว่า แผนการดังกล่าวซึ่งเสนอโดยรัฐบาลผสมที่มาจากหลายพรรคการเมืองคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากสภาภายในเวลา 4-6 สัปดาห์ข้างหน้า 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่สถานการณ์ประท้วงในศรีลังกายังคงดุเดือด โดยผู้ประท้วงหลายพันคนได้เข้าไปปักหลักปิดล้อมสำนักงานและบ้านพักของประธานาธิบดีราชปักษาเพื่อกดดันให้เขาลาออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ได้รับเอกราช เกิดปัญหาขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นตั้งแต่น้ำมันเชื้อเพลิงไปจนถึงยารักษาโรค ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของประเทศได้พุ่งขึ้นไปถึงระดับเกือบแตะ 40% 

ทั้งนี้ นายราชปักษีได้แสดงความมั่นใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น โดยในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยอาจหลีกเลี่ยงลงการประชามติซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานาน แต่สุดท้ายจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลฎีกาว่าจำเป็นต้องมีการลงประชามติเพื่อให้สัตยาบันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

นายราชปักษีย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะที่ศรีลังกากลับมามีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ดังนั้นตอนนี้จึงมีความจำเป็นที่ฝ่ายบริหารและประธานาธิบดีต้องบริหารประเทศต่อไป เพื่อไม่ให้ประเทศถูกดึงลงสู่วิกฤตที่ลึกกว่านี้ ในขณะเดียวกัน ศรีลังกาก็มีความจำเป็นที่จะต้องมีผู้แทนเพื่อเจรจาเพื่อข้อความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศในการผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ 

“พวกเราทุกคนไปกันได้ แต่ใครจะมาบริหารประเทศหล่ะ ผู้ประท้วงเองก็ไม่ได้มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้”  นายราชปักษีกล่าวทิ้งท้าย