SHARE

คัดลอกแล้ว

แพทย์เผย COVID-19 ไม่ใช่โรคเรื้อรัง เมื่อมีคนรักษาหายแล้ว คนในสังคมควรให้กำลังใจ และไม่ตีตราจนผู้หายป่วยไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

หลังมีข่าวผู้ที่หายป่วยจาก COVID-19 แต่ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ เพราะคนในสังคมบางส่วนยังไม่เข้าใจโรคและเผลอตีตราที่ผู้หายป่วยแล้ว เช่นเดียวกับ นพ.ธนัตถ์ ชินบัญชร ผู้ที่เคยติดเชื้อ COVID-19 หลังไปงานประชุมวิชาการ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากกลับมาก็ได้ไปตรวจจนพบว่ามีเชื้อ COVID-19 จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่ด้วยอาการที่ไม่รุนแรง รักษา 3-4 วันก็หายแล้ว แพทย์จึงอนุญาตให้กลับไปกักตัวต่อที่บ้าน 14 วัน แต่ด้วยความกังวลใจของผู้อยู่ร่วมคอนโด นิติบุคคลจึงขอความร่วมมือให้ไปพักรักษาตัวให้หายก่อน

นพ.ธนัตถ์ ชินบัญชร ผู้ที่เคยติดเชื้อ COVID-19 เล่าว่า เคสผมเป็นเคสที่อาการค่อนข้างไม่รุนแรง คือไม่มีไข้เลย นอนโรงพยาบาล 3-4 วัน อาการก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ตอนนั้นคุณหมอก็บอกว่าสามารถกลับบ้านได้แล้ว คุณพ่อเป็นห่วงผมและเป็นห่วงชุมชนที่ผมอยู่ด้วย ก็เลยแจ้งนิติฯ ของคอนโดว่าผมไม่สบาย แล้วก็ป่วยเป็น COVID-19 ก็เกิดเหตุการณ์ที่มีคนเริ่มมาขอทางนิติบุคคลให้เปิดเผยข้อมูลว่าผมอยู่ชั้นไหน ห้องไหน แล้วก็มีคนมาขอดูกล้องวงจรปิดว่าผมออกจากห้องกี่โมงบ้าง ขึ้นลิฟท์ตัวไหนบ้าง ตอนนั้นทำตัวไม่ถูก ค่อนข้างเครียด รู้สึกค่อนข้างเสียใจที่เราพยายามอธิบายว่า มันไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วนะครับ แต่ว่าการที่เราพยายามพูดคุยกับเขา ยังไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจตัวโรค ทำให้เขาสามารถที่จะคลายความกังวลในใจเขาไปได้อย่างนี้ครับ

นพ.ธนัตถ์ จึงต้องไปพักรักษาตัวต่อที่ Isolation Unit ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์จัดเตรียมไว้ให้ จนครบกำหนดและหายสนิทแล้ว พอกลับไปคอนโดผู้อยู่ร่วมหลายคนก็ยังไม่สบายใจจนต้องใช้เวลาอธิบายและแสดงใบรับรองแพทย์จนทุกคนเข้าใจ

จากการเก็บข้อมูลของต่างประเทศพบว่า คนไข้ที่มีอาการไม่รุนแรง ส่วนใหญ่จะสามารถแพร่เชื้อได้ประมาณ 8-10 วัน ซึ่งการกักตัว 14 วัน ถือเป็นการเผื่อระยะเวลาเพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ติดเชื้อหายสนิทแล้ว

ด้าน รศ.พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ แพทย์ผู้ให้การรักษาผู้ป่วย COVID-19 รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ปฏิกิริยาของคนทั่วไปเวลาเรากลัว เรามักจะคิดว่าเชื้อมาจากไหน ใครเป็นคนแพร่เชื้อ แล้วก็เริ่มมีการที่จะเตือนกันโดยที่อาจจะไปเริ่มรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลอย่างที่เห็น ทำให้เกิดข้อเสียเกิดขึ้น ผู้ที่ติดเชื้อก็ไม่กล้าที่จะมาบอกหรือว่าไม่กล้าที่จะให้ประวัติเพราะกลัวการตีตรา ทำให้การป้องกัน การวินิจฉัยผู้ที่ติดเชื้อเกิดยากขึ้น รวมทั้งพอมีการตีตรากันเกิดขึ้น คนที่หายแล้วก็ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ อยากจะบอกว่า COVID-19 ไม่ใช่โรคเรื้อรัง ฉะนั้นเมื่อเขาหายแล้ว ก็คือหายแล้ว สามารถที่จะใช้ชีวิตได้ ถ้าเราคิดง่ายๆ พวกเราทุกคนก็คงเคยเป็นไข้หวัด หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ในหน้าฝน แต่พอเราหายแล้ว เราก็กลับไปทำงานตามปกติ ไปโรงเรียนปกติ แล้วก็ใช้ชีวิตต่อเนื่อง ก็อยากจะให้คิดกับโรค COVID-19 แบบนั้นว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคที่ดูรุนแรง เป็นโรคที่เกิดใหม่ ทุกคนกังวล แต่เป็นโรคที่เมื่อหายแล้ว ก็จะไม่ติดต่อ และไม่ใช่โรคเรื้อรังค่ะ

รศ.พญ.ธันยวีร์ กล่าวต่อว่า ไวรัสตัวนี้มันเล็กมาก มองไม่เห็นค่ะ ถ้าเรามองเห็นได้ ก็คงจะไม่มีใครอยากจะไปจับไวรัสเข้าสู่ร่างกาย แต่เนื่องจากว่ามันมองไม่เห็น แล้วก็หลายๆ ครั้งไม่ได้เจตนา ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ไม่ต้องไปคิดว่า ทำไมถึงติด เอามาจากไหน คิดว่าเราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร เราจะช่วยเหลือเกื้อกูล เพื่อที่จะให้คนที่ติดเชื้อ เขาหายดีสบายใจ กลับสู่ครอบครัวได้ ทำงานได้ เกี่ยวกับเรื่อง COVID-19 อย่างแรกคิดว่า เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเองติดเชื้อนะคะ แล้วก็เมื่อไหร่ที่เราเจอคนติดเชื้อ เราควรจะเห็นใจและคิดว่าเราจะช่วยยังไงได้บ้าง ถ้าให้เราไปเก็บตัว 14 วันจริงๆ ก็ยากนะคะ แถมทั้งมีอาการป่วยก็อยากให้กำลังใจ อยากใกล้ชิดกับครอบครัว แต่ว่าเขาเสียสละเหมือนกันนะที่เขาแยกตัวจนครบ 14 วัน เพราะเขาก็ห่วงคนอื่นในสังคม อยากให้คนในสังคม รับรู้ตรงนี้และก็ให้กำลังใจกับผู้ที่ติดเชื้อหรือผู้ที่อยู่ในระยะเก็บตัว 14 วันค่ะ

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า