เป็นเรื่องถกเถียงกันมานานมากแล้วว่าสตรีมมิ่ง จะเข้ามาแทนที่เคเบิลทีวีในแบบเดิมๆ จริงรึเปล่า เพราะที่ผ่านมา สตรีมมิ่งเติบโตก็จริง แต่ถ้าเจาะพฤติกรรมคนดูทีวีในทุกช่วงวัยแล้ว เคเบิลทีวีก็ยังมีคนดูเยอะกว่า
แต่ล่าสุดมีรายงานจาก Nielsen บริษัทวิจัยการตลาดเผยว่า ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ยอดรับชมสตรีมมิ่งบนทีวี แซงเคเบิลทีวีแล้วในสหรัฐฯ ถือเป็นครั้งแรกที่ทำได้
โดยคนดูสตรีมมิ่งหรือดูคอนเทนต์ใดๆ ผ่านออนไลน์ คิดเป็น 34.8% เพิ่มขึ้น 3.2% จากเดือน มิ.ย. ในขณะที่การดูเคเบิลทีวีคิดเป็น 34.4% ลดลง 2% จากเดือน มิ.ย.
ถือเป็นการแซงเคเบิลทีวีครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สตรีมมิ่งจะกลืนกินการดูทีวีแบบเดิมไปทั้งหมด เพราะยังมีสัดส่วนของการดูถ่ายทอดสดของทีวีอยู่ที่ 21.6% (ลดลงจากเดือน มิ.ย. 3.7%)
เมื่อมาเจาะดูสตรีมมิ่งแต่ละแบรนด์ Netflix ยังเป็นอันดับ 1 มียอดรับชมที่ 8% คาดว่าเป็นเพราะ Stranger Things 4 ที่ลงฉายในเดือน ก.ค., YouTube และ YouTube TV คิดรวมกันเป็น 7.3%, Hulu อยู่ที่ 3.6%, Amazon Prime Video 3%, Disney+ 1.8%, HBO Max 1%
Nielsen ตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนหนึ่งที่เคเบิลยอดตก เพราะมีเนื้อหาใหม่ๆ น้อยลง และโปรแกรมการถ่ายทอดกีฬาที่เป็นจุดแข็งของทีวีแบบดั้งเดิม มีน้อยลง
ข้อมูลนี้ อาจช่วยให้เห็นอนาคตการดูทีวี ว่าโลกหันไปหาสตรีมมิ่ง การลงทุน การสร้างหนัง ซีรีส์ รายการทีวีใดๆ ก็จะเทไปทางสร้างเพื่อให้ดูบนออนไลน์ จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดาบริษัทเคเบิลทีวี ตัวอย่างเช่น NBCUniversal เปิดตัวสตรีมมิ่งของตัวเองในชื่อ Peacock