SHARE

คัดลอกแล้ว

หลังเกิดปรากฏการณ์ นักเรียนแห่ผูกโบขาว-ชูสามนิ้ว หลายโรงเรียนเกิดภาพความไม่เข้าใจกันระหว่างครูที่พยายามหยุดยั้งการแสดงออก กับนักเรียนที่มองว่าเป็นสิทธิที่ทำได้

workpointTODAY สัมภาษณ์ ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล นักการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าในสถานการณ์แบบนี้ครูควรจะทำอย่างไร

วันที่ 18 ส.ค. 2563 workpointTODAY สัมภาษณ์ หลังเกิดปรากฏการณ์ นักเรียนแห่ผูกโบขาว-ชูสามนิ้ว แล้วครูควรจะทำอย่างไร

ผศ.อรรถพล กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในมุมมองของตน คือ เด็กๆ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องเกิดขึ้นทุกสมัย แต่ตอนนี้ชัดเจนว่าเปลี่ยนเร็วมาก เด็กๆ ตื่นตัว มองสังคมที่ตัวเองอยู่ ตั้งคำถามกับสังคม เกิดความรู้สึกว่าจะต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะเขาโตขึ้นมาท่ามกลางสังคมที่มีปัญหาขัดแย้งรุนแรงยาวนาน เขารับรู้มาตลอด จะให้เขาเหมือนเด็ก 10-20 ปีที่แล้วไม่ได้ เพราะสังคมเปลี่ยนไปแล้ว

กรณีที่เกิดขึ้นทำให้ครูจำนวนไม่น้อยที่ไม่เปิดใจเรียนรู้ใหม่ๆ ไม่ค่อยมีพื้นที่ปลอดภัยในการคุยกับเด็กๆ ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง ให้เด็กๆ พูดอะไรในสิ่งที่เขาอยากฟังเท่านั้น เขาคงช็อกว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมนี้ ชุดคุณค่าที่เขากอบไว้นานๆ ถูกเขย่าแรงมาก

ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เคยคุยกับเด็กจริงจังไม่ง่ายเลยที่จะรับมือเรื่องนี้ได้อย่างมีสติ ทำให้บางคนมีปฏิกิริยาโดยใช้ความรุนแรงเพราะทำให้เขาไม่มั่นคงปลอดภัย เรื่องนี้เป็นเรื่องท้าทายการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในช่วงนี้ที่สุด

ครูบางคนใช้วิธีการแบบเดิมคือตวาดเด็ก บังคับเด็ก ปัดมือถือ ไม่ได้คิดดีพอ ปล่อยอารมณ์พาไป ถ้าเขามีสติเพียงพอจะไม่ใช้วิธีแบบนี้ ซึ่้งทั้งหมดนี้ไม่ใช่ปัญหาของเด็กแต่เป็นปัญหาของผู้ใหญ่ เราพร้อมแค่ไหนที่จะเรียนรู้ว่าเด็กๆ ของเรา ต้องการคุยกับเรา

“การแสดงออกทางการเมืองครั้งนี้ เป็นสัญญาณบอกว่าเด็กๆ ต้องการคุยการเมืองกับผู้ใหญ่ ช่วยฟังเขาในฐานะเขาเป็นเพื่อนร่วมสังคมคนหนึ่งได้ไหม”

ผศ.อรรถพล มองว่า เด็กคือกระจกสะท้อนสังคม สังคมทำให้เขาเรียนรู้แบบนี้มา ตนขอใช้คำว่า ต้นไม้ประชาธิปไตยไทยมันถูกของเสียเป็นปุ๋ยมานาน รดด้วยความเกลียดชัง การเลือกปฏิบัติ ความไม่เป็นธรรม แล้วได้ดอกไม้บานเป็นเด็กๆ ออกมา เด็กๆ ดูข่าว อาจจะมากกว่าเราด้วยเพราะมีช่องทางรับข่าวที่มากกว่า และมีเครือข่ายที่เขาคุยกัน อย่างโลกทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นโลกที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ

สำหรับการปรับตัวของครูหลายคนที่ไม่คุ้นเคย ผศ. อรรถพล แนะนำว่า ต้องกลับไปคิดถึงวันที่เรามาเป็นครูว่าเรามาเป็นทำไม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรากับเด็กจะมีจุดยืนทางการเมืองไม่เหมือนกัน และไม่ใช่เรื่องผิดที่ครูจะมีจุดยืนและแสดงจุดยืนทางการเมือง แต่จะเป็นเรื่องแปลกถ้าครูจะเอาสถานภาพและบทบาทมาบังคับและโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อเหมือนตัวเอง ห้องเรียนต้องเป็นที่ที่คนที่คิดไม่เหมือนกันแชร์กันได

เรามาเป็นครูเพื่ออะไรเรามาอยู่ข้างๆ เด็กเพื่อการเรียนรู้ใช่ไหม เพราะฉะนั้นตอนนี้ต่อให้เราคิดไม่เหมือนกันเราอยู่ข้างกันได้หรือเปล่า ถ้ามีเพื่อนร่วมงานของเราที่ลุแก่โทสะเราจะเตือนกันได้ไหม เมื่อเด็กส่งสัญญาณในการคุยกับผู้ใหญ่เรามีหน้าที่ในการเปิดพื้นที่ในการคุยแล้วก็ต้องคุย

“ห้องเรียนต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยในการคุยกันได้ สิ่งที่สำคัญคือเปิดให้คิดและพูด ยิ่งคิดและพูดเท่าไรยิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ห้องเรียนทุกห้องเรียนทุกวันนี้เรามีพื้นที่ให้เด็กคิดและพูดน้อยเกินไป เพราะมันไม่มีพื้นที่ในการฟัง และไม่เคยมีคำถาม มันมีแต่เรื่องที่เล่าให้ฟัง ไม่มีพื้นที่ของคำถาม ก็เลยไม่มีวิธีกระตุ้นการคิด แล้วเมื่อไม่มีการฟังก็ไม่มีโอกาสในการพูด”

ผศ.อรรถพล ตั้งคำถามด้วยว่า เด็กๆ เขาต่อสู้กับอะไรอยู่ การใช้อำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรมใช่หรือไม่ กำลังต่อสู้กับกลไกบางอย่างที่ทำให้ใช้ความรุนแรงในเชิงโครงสร้าง คุณครูไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่บางทีคุณครูเล่นเกินบท จนกลายเป็นคู่ขัดแย้งเด็กไปเองทำอย่างไรจะไม่เกิดการผลักเป็นเขาเป็นเรา ต้องกลับมาที่การคุยกัน เด็กๆ พูดเรื่องอะไร ครูมองอย่างไร และคนอื่นมองอย่างไร

“การฟังเป็นสิ่งที่หายจากโรงเรียนไปนานมากๆ และการฟังเป็นสิ่งที่หายจากสังคมไทยไปนานมากๆ นี่คือโอกาสในการฟังกัน”

“ครูคือมือที่อยู่ใกล้ตัวเด็กอันดับ 2 รองจากครอบครัว มือนี้จะผลักเด็กออกจากพวกเราจริงๆ หรือ”

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า