Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว
จากกรณีเมื่อวันศุกร์ที่ 21 ส.ค. ที่ประชุม คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน พิจารณาและลงมติเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท จากจีนหรือไม่ ซึ่ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ลงมติเสมอกัน 4-4 และนายสุพล ฟองงาม ประธานอนุ กมธ. โควตาพลังประชารัฐ ออกเสียงให้จัดซื้อจนเป็น 5-4
วันที่ 23 ส.ค. 2563 ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ ซึ่งเป็นคณะอนุ กมธ. เสียงข้างน้อย แถลงข่าว โดยมีนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี ร่วมด้วย
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ในความเป็นจริงเมื่อเสมอกัน 4-4 ควรส่งเรื่องให้ กมธ.ชุดใหญ่ ประธานควรจะเป็นกลางไม่ควรลงมติ แต่นายสุพล ฟองงาม ก็ลงมติให้เป็น 5-4
ส่วนเรื่องมีการล็อบบี้กันหรือไม่ ครั้งแรกตอนที่กองทัพเรือเข้ามาชี้แจง ถูกแขวนงบประมาณไว้ไม่ให้ผ่าน เพราะ กมธ.เสียงเป็นเอกฉันท์ว่า เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำยังไม่จำเป็นในขณะนี้

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม

กมธ.ท่านหนึ่งถึงกับบอกว่า ให้เสนาธิการทหารเรือให้ลองถอดเครื่องแบบพล.ร.อ. ออกแล้วเดินลงไปเดินต่างจังหวัดถามชาวบ้านว่ามีคนต้องการให้ซื้อเรือดำน้ำตอนนี้หรือไม่ ถามร้อยคนเขาก็บอกไม่ให้ซื้อ อย่าไปซื้อประชาชนกำลังอดอยาก แต่สุดท้าย กมธ.ท่านนี้กลับไปโหวตให้ซื้อเรือดำน้ำ แสดงให้เห็นว่า ต้องมีการล็อบบี้ สั่งการมาจากผู้ใหญ่ในรัฐบาล ไม่เช่นนั้นผลจะไม่อออกมาแบบนี้
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนขอเปิดเอกสารโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ รุ่น S26T ซึ่งเป็นเอกสารลับมากไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน เดิมการจัดซื้อบอกว่าเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน (จีทูจี) แต่เมื่อเปิดมาจริงๆ ไม่ได้เป็นสัญญาจีทูจี แต่เป็นเพียงข้อตกลงเท่านั้น โดยสัญญาที่เซ็นไปคือจัดซื้อ 1 ลำเท่านั้น เมื่อ 5 พ.ค. 2560 และจะได้รับเรือในปี 2567 ไม่มีข้อผูกพันใดๆ ว่าจะต้องซื้อลำที่ 2 และ 3 ไม่มีว่าถ้าไม่ซื้ออีก 2 ลำแล้วจะเกิดความเสียหายอะไร
กมธ.พยายามบอกว่า ถ้าไม่มีสัญญาผูกพัน ลำที่ 2-3 ขอให้ชะลอไปก่อนได้หรือไม่ อย่าเพิ่งซื้อ แต่ทางกองทัพเรือก็ไม่ยอม บอกว่าจะต้องซื้อให้ได้ภายในปีนี้ทั้ง 2 ลำ เราก็พยายามเจรจาว่าในภาวะที่ประชาชนอดอยาก ให้ซื้อแค่ลำเดียวก่อนได้หรือไม่ กองทัพเรือบอกว่าไม่ได้
ประเด็นที่ตนเห็นว่าจะนำไปสู่การการยกเลิกการซื่อเรือดำน้ำนี้ได้ คือ สัญญาที่ลงนามโดยฝั่งไทย ผู้ลงนาม คือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งตอนที่ไปลงนามในสัญญาปี 2560 นั้น เป็นเสนาธิการทหารเรือ ขณะที่ฝั่งจีน คือ หลูลี่ ซึ่งคนลงนามเป็นบริษัท ไม่ใช่รัฐบาลจีน
“ตรงนี้จะนำไปสู่หนังม้วนยาว ผมจะชี้ให้สื่อมวลชนเห็นว่า ทำไมสัญญานี้กองทัพเรือปกปิดมาตลอด”
สัญญานี้จึงมีปัญหา คือ 1. สัญญาผูกพันการซื้อเพียง 1 ลำ 2.ผู้ลงนามฝ่ายรัฐบาลไทยไม่มีอำนาจไปลงนาม เพราะคนที่มีอำนาจไปลงนามจีทูจีได้จะต้องเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ รมว.ต่างประเทศ หรือหากเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และจะต้องมีหนังสือรับมอบอำนาจจากรัฐบาลไทย (Full Powers) ไปลงนามในสัญญา จึงจะเป็นการซื้อขายแบบจีทูจี
พล.ร.อ.ลือชัย ขณะนั้นตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือมีอำนาจอะไรไปลงนามแทนรัฐบาลไทย ดังนั้น สัญญานี้ต้องเป็นโมฆะ ซึ่งในการโหวตลงมติในคณะอนุ กมธ. กองทัพเรือไม่สามารถชี้แจงในประเด็นที่ตนซักถามได้เลย อ้างแต่เรื่องความมั่นคงทางทะเล อ้างแต่ว่าจะเป็นมีภัยคุกคามทางทะเล ทั้งที่วันนี้ความอดอยาก ความหิวโหยของประชาชน ภัยพิบัติน้ำท่วม กับเรือดำน้ำอันไหนมันสำคัญกว่า
นายยุทธพงศ์ ระบุว่า แนวทางที่ตนจะดำเนินการต่อ คือ ในการประชุม กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ วันที่ 26 ส.ค. เวลา 13.00 น. ตนจะเสนอให้ กมธ.ชุดใหญ่ทบทวน ไม่ให้มีการจัดซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำ และจะให้กองทัพเรือนำหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาล หรือ Full Powers มาแสดง ถ้าแสดงไม่ได้ สัญญาจัดซื้อตั้งแต่แรกก็ต้องเป็นโมฆะด้วย
หาก กมธ.ชุดใหญ่ไม่ฟัง หรือดึงดันจะให้ผ่าน ตนจะเสนอให้ลงมติแบบรายบุคคล แล้วเปิดเผยรายชื่อ ให้ประชาชนรู้ว่ามีส.ส.คนใดบ้างที่เห็นความสำคัญของการซื้อเรือดำน้ำมากกว่าความอดอยาก และความเดือดร้อนของประชาชน
และหากโหวตแล้วยังแพ้เสียงส่วนใหญ่ในซีกรัฐบาล ตนจะเดินหน้าฟ้องประชาชนต่อไป ให้ประชาชนสั่งสอน ส.ส.ที่โหวตซื้อเรือดำน้ำในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
นายยุทธพงศ์ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยบอกว่า ที่เลือกซื้อเรือดำน้ำจากจีน เพราะได้ของดีในราคาประหยัด ซื้อ 2 แถม 1 แล้วทำไมวันนี้ มีการแปลงมาว่าเป็นการซื้อเรือดำน้ำทั้ง 3 ลำ
ด้านนายครูมานิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เหมือนจะมีใบสั่ง ตนเห็นใจเพื่ออนุ กมธ. ที่ตอนอภิปรายไม่มีใครเห็นด้วยสักคน แต่พอลงมติเป็นคนละเรื่อง ตอนโหวต 4-4 ประธานอนุ กมธ.ต้องอุทานออกมาว่า ชิบหายแล้ว เพราะเข้าใจว่าจะไม่ต้องเป็นคนตัดสินใจลงมติ แต่พอเท่ากัน ท่านนั่งทำใจอยู่ 20 นาทีถึงจะชี้ขาด
ตนกลับไปนอนคิด 2 วันคิดว่ารัฐบาลป่วยแล้วตอนนี้ ตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจก่อนโควิด จนปลดทีมเศรษฐกิจออก แล้วมาเจอแฟลชม็อบ เจอปัญหารุมเร้า จนลืมที่พูดกับประชาชนว่า ต้องรัดเข็มขัดนะ ต้องการ์ดสูง ต้องประหยัด แต่กลับผลักดันเรื่องนี้ วันนี้รัฐบาลไม่ได้เป็นง่อยแต่ป่วยเตรียมโบกมือลาแล้ว

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า