Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ชี้การจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ ส่อขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา จี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นำหนังสือมอบอำนาจออกมาแสดงหากเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐจริง

วันที่ 30 ส.ค. 63 เวลาประมาณ 10.00 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงเกี่ยวกับการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ โดยประเด็นแรก ส.ส.ยุทธพงศ์ ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของคณะกรรมาธิการงบประมาณปี 2564 ว่าเดิม กมธ. กำหนดจะนำเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำเข้าที่ประชุมในวันพุธที่ 26 ส.ค. เวลา 9.00 – 21.00 น. ซึ่งตนมองว่าอย่างไรก็พิจารณาทันแน่ แต่มีการนำเรื่องอื่นๆ มาแทรกจนสุดท้าย กมธ. ใช้เสียงข้างมากปิดประชุมไป โดยโฆษกของ กมธ.งบประมาณ แถลงว่าวันศุกร์ที่ 28 ส.ค. จะเชิญกองทัพเรือมาชี้แจงเพิ่มเติม ตนก็รออยู่ พอวันที่ 27 ส.ค. กลับสั่งยกเลิกการประชุมวันที่ 28 ส.ค. โดยอ้างว่ามีเหตุน้ำท่วม ตนจึงขอตั้งคำถามว่า น้ำท่วมเกี่ยวข้องกับ กมธ.งบประมาณ อย่างไร กมธ.งบประมาณ มีหน้าที่ไปช่วยเหลือน้ำท่วมหรือ

พ.ร.บ.งบประมาณ เป็นกฎหมายสำคัญที่สุดกฎหมายหนึ่ง ถ้าวันที่ 1 ต.ค. กฎหมายไม่เสร็จจะเอางบประมาณที่ไหนมาใช้ ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) เวลา 9.00 น. จะต้องติดตามดูว่าจะมีการดึงเกมยื้อเรื่องเรือดำน้ำออกไปอีกหรือไม่

นายยุทธพงศ์ชี้อีกว่า รายงานของคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ มีสาระสำคัญที่ที่ประชุมไม่กล้าให้เอาเข้าไปชี้แจง โดยสาระสำคัญดังกล่าวอยู่ในหน้า 17 ระบุว่า สัญญาการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐและบันทึกการเจรจาข้อตกลงไม่มีข้อผูกมัดในการเลื่อนการจัดซื้อเรือดำน้ำดังกล่าว หรือหมายความว่าเลื่อนได้ แต่กลับมีความพยายามจะบอกว่าเลื่อนไม่ได้ เพราะผูกพันไปแล้วตั้งแต่ปี 63 จะโดนค่าปรับและเกิดความเสียหาย ทั้งที่ผลสรุปในรายงานของคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ บอกไว้อย่างชัดเจนว่าไม่มีข้อผูกมัดและไม่เกิดความเสียหาย

ในขณะที่สภาผู้แทนราษฎร์นัดประชุมวาระ 2 – 3 แล้วในวันที่ 16 – 17 ก.ย. และวุฒิสภาก็นัดประชุมแล้วเช่นกันในวันที่ 21 – 22 ก.ย. ส่วนสำนักงบประมาณได้ส่งงบที่จะแปรญัตติมารอไว้แล้ว จำนวน 156,000 ล้านบาท แต่แปรญัตติไม่ได้เพราะว่ายังสรุปไม่ได้ว่าจะปรับลดงบประมาณได้เท่าไหร่ หากเรื่องเรือดำน้ำประชุมไม่ได้ก็ไม่จบสักที ซึ่งหลังจากที่แปรญัตติแล้วก็ยังมีอีกหลายขั้นตอน ตนเกรงว่าสุดท้ายสภาฯ จะพิจารณาไม่ทัน 105 วัน ต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณ ไปเลย

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนจะนำกฎหมายรัฐธรรมนูญมาต่อสู้ในชั้นกรรมาธิการ ถ้ารัฐบาลยังดึงดันที่จะผ่านเรือดำน้ำ 2 ลำให้ได้ ในรัฐธรรมนูญ หมวดที่ 5 หน้าที่ของรัฐ มาตรา 55 ระบุว่า รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง ตนขอถามว่าวันนี้รัฐบาลให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชนอย่างเพียงพอทั่วถึงแล้วหรือ รัฐบาลดูแลโรคโควิด-19 ได้แล้วหรือ ประชาชนที่สงสัยว่าตนเองจะเป็นโควิดหรือไม่ ไปตรวจฟรีไม่ได้ ค่าตรวจโควิด 7,000 – 8,000 บาทต่อคน แล้วแต่โรงพยาบาล รัฐบาลอย่าคิดว่าโควิดจบแล้ว เพราะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยเพิ่งออกคำสั่งถึงผู้ว่าฯ 10 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาให้ระมัดระวังการแพร่ระบาดระลอกสอง

ต่อมารัฐธรรมนูญ มาตรา 62 ระบุว่า รัฐต้องรักษาวินัยทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพ และจัดระบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม วันนี้เงินที่จะไปซื้อเรือดำน้ำเป็นเงินภาษีของประชาชน แต่ประชาชนกำลังอดอยาก ทำไมรัฐบาลไม่เอาเงินมาช่วยประชาชนก่อน กลับจะเอาเงินไปซื้อเรือดำน้ำ อย่างนี้เป็นธรรมกับประชาชนเจ้าของภาษีหรือไม่

และในหมวดที่ 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 75 ระบุว่า รัฐพึงจัดระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และคำนึงถึงความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชน ถามว่าการซื้อเรือดำน้ำทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขหรือไม่ วันนี้ประชาชนกำลังลำบากแต่รัฐบาลกลับจะซื้อเรือดำน้ำ แบบนี้ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญชัดๆ

นอกจากนั้น นายยุทธพงศ์ เรียกร้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้แสดงหนังสือมอบอำนาจฉบับเต็มจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ที่เรียกว่าหนังสือ Full Powers หากการซื้อเรือดำน้ำเป็นจีทูจีจริง ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร บอกว่ามีทุกอย่างพร้อม ถูกต้อง ตนจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร นำหนังสือมอบอำนาจที่มอบอำนาจให้แก่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ออกมาแสดง ซึ่งตนเชื่อว่าไม่มี

แต่ถ้าการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นจีทูจีจริง ก็ส่อจะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 ที่ระบุว่า หนังสือสัญญาที่อาจจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง เข้าข่ายสนธิสัญญา จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาภายใน 60 วัน แต่ตนไปตรวจสอบมาแล้วพบว่ายังไม่เคยมีการนำเรื่องเรือดำน้ำมาให้สภา สนช. หรือรัฐสภาพิจารณาเลย

อย่างไรก็ตาม ตนสงสัยว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้ไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ เพราะไม่เคยเห็นรัฐบาลจีนส่งใบเสนอขายเรือดำน้ำมาให้รัฐบาลไทย แล้วทำไมรัฐบาลไทยต้องซื้อเรือดำน้ำกับรัฐบาลจีนเท่านั้น ทั้งที่รัฐบาลประเทศอื่นๆ ก็อยากจะขาย ทำไมไม่ให้รัฐบาลประเทศเหล่านั้นเสนอแข่งกัน ทีนี้ตนไปได้สัญญาซื้อขายเรือดำน้ำลำแรกมา พบว่ามีการโอนเงินไปให้บริษัท CSOC หรือ China Shipbuilding & Offshore International Co., Ltd. ซึ่งบริษัทก็ไม่มีใบมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ดังนั้นถ้าเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐจริง ทำไมกองทัพเรือไม่โอนเงินไปให้กระทรวงการคลังหรือกระทรวงกลาโหมของประเทศจีน

ตนเห็นว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติ แล้วที่กองทัพเรือออกมาชี้แจงก็ยังไม่ชัดเจนเรื่องหนังสือมอบอำนาจ ไม่มีหนังสือมาแสดง ทั้งยังส่อขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ถ้ารัฐบาลยังดึงดันจะผ่านเรือดำน้ำ ตนจะเสนอให้พรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

นายยุทธพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การซื้อขายครั้งนี้ทั้งหมด มีเรือดำน้ำ 3 ลำ ประมาณ 36,000 ล้านบาท มีเรือสนับสนุนเรือดำน้ำอีก 1 ลำ ประมาณ 8,000 ล้านบาท แล้วก็มีแผนที่เรือดำน้ำ มีสถานีจอดเรือดำน้ำ รวมเบ็ดเสร็จโครงการนี้ประมาณ 50,000 ล้านบาท แต่ผมไม่เคยเห็นนายกฯ ประยุทธ์ กับประธานาธิบดี สี จิน ผิง พูดคุยกันเรื่องโครงการเรือดำน้ำที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลย ยังไม่เคยเห็นการเซ็นร่วมมือกันของโครงการนี้เลย

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า