SHARE

คัดลอกแล้ว

“สุดารัตน์” ส่งกำลังใจ 7 พรรคฝ่ายค้านทำหน้าที่อภิปราย พร้อมโพสต์ 3 ข้อ จวกนโยบายรัฐบาลไม่ตอบโจทย์ปัญหาประเทศ ไม่เห็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ แถลงนโยบายแต่ไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ พร้อมตั้งคำถามถึงคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี

วันนี้ (25 ก.ค.62) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย โพสต์เพจเฟซบุ๊กว่า โดยระบุว่าขอส่งกำลังใจให้  7 พรรคร่วมฝ่ายค้านทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชน อย่างเต็มที่ คนไทยจะหวังอะไรได้บ้างจาก การแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีหน้าเดิม ในเสื้อคลุมประชาธิปไตย ที่จะแถลง ต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ในวันนี้

เพราะเมื่ออ่านแล้วจะพบว่า นโยบายรัฐบาลใหม่ไม่ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาประชาชน ไม่ครอบคลุม ไม่กำหนดที่มาของงบประมาณ ไม่กำหนดเป้าหมายความสำเร็จ เขียนเหมือนเป็นเพียงคำนำเท่านั้น เทียบไม่ได้เลยกับคำแถลงของรัฐบาลอื่นในอดีต ไม่สมกับเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ขณะที่คนแถลงก็ด่างพร้อยในเรื่องคุณสมบัติทั้งสิ้น

โดยนโยบายเขียนเสมือนเป็นความฝันกว้างๆ ขาดรูปธรรมที่ชัดเจน อยากชวนพวกเรากลับไปดูตัวเลขทางเศรษฐกิจ 5 ปีคสช. ซึ่งพบว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับพังพินาศ ตั้งแต่ก่อหนี้กู้เงินมาชดเชยงบประมาณมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา 5 ปี รัฐบาล คสช. ก่อหนี้เงินกู้เพื่อนำมาชดเชยงบประมาณที่ขาดดุลไปถึง 2.193 ล้านล้านบาท หมายความว่าประเทศเป็นหนี้สองล้านล้านบาท ที่ต้องใช้กันชั่วลูกชั่วหลาน โดยที่ประเทศของเราไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันไว้เลย ไม่ได้รถไฟฟ้าความเร็วสูง ไม่ได้โครงการบริหารจัดการน้ำป้องกันน้ำแล้งน้ำท่วม ไม่ได้ท่าเรือน้ำลึกใหม่ แต่คนไทยทุกคนต้องมาแชร์หนี้สินที่ คสช. สร้างให้กันหัวโต มีคนจนมากที่สุด 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลก่อหนี้มหาศาล แต่กลับทำให้คนไทยจนกันหมดทั้งประเทศ ดังปรากฏจากตัวเลขประชาชนที่มาขึ้นทะเบียนคนจนที่มากถึง 14.5 ล้านคน และความเหลื่อมล้ำในทางเศรษฐกิจ-สังคม ที่เพิ่มสูงขึ้น

และมีแนวโน้มจะมากขึ้นหากรัฐบาลยังบริหารประเทศอย่างไร้ทิศทาง โดยทีมเศรษฐกิจยังเป็นคนหน้าเดิมๆ เพราะทิศทางที่ทำกันมา 5 ปี คือ สร้างรัฐราชการร่วมกับทุนผูกขาด ทุนเส้นสาย ผ่านโครงการประชารัฐ

หนี้ครัวเรือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กว่า 1.5 แสนบาทต่อคน ตามข้อมูลของสภาพัฒน์ชี้ว่า หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งติดอันดับ 10 ของโลก และสูงถึง 78.7 % ของ GDP ความเชื่อมั่นผู้บริโภคไม่มี ไม่มีใครอยากใช้จ่ายเงิน ก่อนรัฐประหาร ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 64.0 ปัจจุบันเดือนมิถุนายน ปี 2562 เหลือเพียง 51.3 ธุรกิจไทยเงียบซบเซาไปหมดทั้งประเทศ

ตัวเลขการส่งออกครึ่งปีแรกลดลงกว่า 3% ซ้ำเติมด้วยการท่องเที่ยวเงียบเหงา ทั้ง2 แหล่งรายได้ของประเทศ กำลังลำบากหนัก จากค่าเงินบาทแข็ง แต่ไม่ปรากฏในนโยบายว่ารัฐบาลนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร กำลังซื้อภายในประเทศก็หดหาย จากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาตลอด 5 ปี ของรัฐบาลลายพราง และในนโยบายที่แถลงวันนี้ก็ไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม ที่พอจะเป็นความหวังให้เกษตรกรได้เลย เป็นความสงบที่ทำให้ตลาดเงียบสงัด ยิ่งกว่านั้นในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กำหนดเป้าหมายสวยหรูว่า จะเพิ่ม GDP เฉลี่ยประมาณ 4-5% ต่อปี แต่ในนโยบายกลับไม่พูดถึง ว่าจะมีนโยบายในการทำให้ GDP โตได้อย่างไร

การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจถือเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำ ของพล.อ.ประยุทธ์ และทีมเศรษฐกิจชุดเดิม ที่กลับมาเป็นนายกฯ และครม. ชุดใหม่ ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจที่หนักหนาเช่นนี้ ประชาชนย่อมต้องการรู้ว่ารัฐบาลใหม่ ที่มีนายกฯหน้าเดิม จะมีนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้องที่เป็นรูปธรรมอย่างไร ภายในเวลาเท่าไหร่ แต่กลับไม่มีคำตอบ ไม่ปรากฏในนโยบายของรัฐบาลใหม่ และไม่ปรากฏว่า จะมีหนทางในการบรรลุยุทธศาสตร์ชาติที่เขียนกันมากับมือได้อย่างไร และเมื่อไม่ปรากฏเข็มทิศนำทางว่าจะแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจที่พังพินาศตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้อย่างไร ก็ย่อมยากที่ประชาชนจะฝากความหวังได้

นอกจากนี้ การแถลงนโยบาย แต่ไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินนโยบาย รัฐธรรมนูญที่ผู้อำนาจร่างกันเอง ได้ประโยชน์กันเอง ระบุไว้ใน ม.162 ว่า ครม. ต้องแถลงนโยบายฯ และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย แต่เราไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ปรากฏในเอกสาร ซึ่งที่ควรจะเป็นคือจะต้องมีการชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้เป็นลายลักษณ์อักษร เช่นเดียวกับการทำตารางภาคผนวกว่า สอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ฯ อย่างไร เพราะถ้าไม่บอกแหล่งที่มาของรายได้ให้ชัด ก็ไม่มีทางรู้ได้ว่า รัฐบาลจะหาเงินจากไหน ด้วยวิธีการอย่างไร รัฐบาลจะขยายฐานภาษี ปรับปรุงอัตราภาษี ฯลฯ หรือ พัฒนาภาษีประเภทใหม่ๆ ช่วยบอกให้ชัดเจน เพราะยิ่งรัฐบาลมีนโยบายลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดา จะหารายได้จากส่วนใดมาทดแทน

ขณะที่ คุณสมบัติของคนเป็นนายกรัฐมนตรี มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาฯ วันนี้ตลกร้ายสำหรับคนไทยทั้งประเทศ คือมีนายกฯ ที่ไม่สามารถบอกสถานะตัวเองได้ เวลาได้ประโยชน์ก็บอกว่า ตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เวลาเสียประโยชน์ ก็บอกว่า ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

แม้จะมีองครักษ์พิทักษ์นายก ออกมาดิ้นว่าห้ามอภิปรายในประเด็นนี้ แต่ดิฉันขอยืนยันว่าฝ่ายค้านอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ และรมต. ได้ และจะอภิปรายอย่างเต็มที่ ยังมีหลายประเด็นที่เป็นปัญหา ที่ประชาชนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส และกำลังเฝ้ารอการแก้ไขปัญหา จากนโยบายของรัฐบาลใหม่

https://www.facebook.com/sudaratofficial/posts/2307419082670205

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า