สรุป “พระบิดา” ลัทธิประหลาด “รักษาโรค” ด้วยวิธีสุดแปลกให้กินปัสสาวะ อุจจาระ เสมหะ และขี้ไคล เก็บศพคนตาย “รอขึ้นสวรรค์”
เริ่มที่มาที่ไปจากมีหญิงคนหนึ่ง อายุ 53 ปี ร้องเรียนไปยัง นายจีรพันธ์ เพชรขาว อินฟลูเอนเซอร์ ฉายา “หมอปลา ปราบสัมภเวสี” ว่า แม่ของตนเองที่อายุ 80 ปี มีพฤติกรรมแปลกประหลาด หลังได้ไปรู้จักสำนัก (ฤาษี) แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ คล้ายศรัทธาชายแต่งตัวคล้ายฤาษี ชื่อ นายทวี อายุประมาณ 75 ปี อ้างมีความสามารถรักษาโรคภัย ด้วยการให้กินปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ ขี้ไคล รวมทั้งก้นบุหรี่ของตนเอง ซึ่งสาวกกว่า 30 ชีวิตเรียกนายทวีว่า “พระบิดา”
เมื่อวานนี้ (8 พ.ค. 2565) หมอปลา จึงประสานไปทาง นายไกรสาร กองฉลาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นำกำลังเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง สำนักพุทธจังหวัด เข้าตรวจสอบ สำนักดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะ หมู่ 2 ต.ดงกาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พบนายทวี หรือ “พระบิดา” เป็นชายผมหงอกยาว อยู่ท่ามกลางสาวกที่ร่ายล้อม โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในสำนักดังกล่าว ยังพบศพผู้เสียชีวิตอีก 11 ราย ถูกอ้างว่ารอทำพิธีขึ้นสวรรค์ เป็นศพผู้มาปฏิบัติธรรมแล้วเสียชีวิต ซึ่งสาวกอ้างว่าเป็นคำสั่งของพระบิดาที่ไม่ยอมให้เอาศพส่งคืนญาติ เพราะถือว่าเมื่อเข้ามาถือศีลแล้วเท่ากับเป็นการถวายตัวต่อพระบิดา ตายไปแล้วห้ามนำศพกลับบ้าน ขณะที่น้้ำเหลืองของศพสาวกยังเชื่อว่าสามารถนำมาประทินผิวได้
เจ้าหน้าที่นำตัวนายทวี หรือ “พระบิดา” ออกจากสำนัก แต่ก็ถูกสาวกพยายามขัดขวางอย่างวุ่นวาย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ดำเนินการในเรื่องการใช้พื้นที่ดินสาธารณะ ของสำนักดังกล่าว อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เป็นที่ดินในเขตป่าหรือไม่ รวมทั้งสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ดำเนินการเกี่ยวกับ พ.ร.บ.โรคติดต่อ โดยมีการอายัดศพทั้ง 11 ศพ ส่งไปทำการตรวจชันสูตร และเตรียมมีการรื้อสำนักดังกล่าวต่อไป
เรื่องราวของลัทธิประหลาดที่เกี่ยวข้องกับศรัทธาของคนบางกลุ่มนี้เกิดขึ้นในสังคมเป็นระยะๆ แม้วิวัฒนาการในการรักษาโรคของประเทศไทยจะก้าวหน้าไปมากเพียงใดแล้วก็ตาม…
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามเรื่องการเข้าไปตรวจสอบสำนักฤาษีที่มีความเกี่ยวพันกับศรัทธาความเชื่อว่า ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวเข้าไปดำเนินการได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่ก่อให้เกิดอันตราย เรื่องนี้จัดการได้
ขณะที่ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว. ให้ข้อมูลว่า การที่กิน อุจจาระ ปัสสาวะ เสมหะ หรือขี้ไคล อันตรายอย่างมาก เพราะสิ่งปฎิกูลเหล่านี้เป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมาจากร่างกาย เช่น อุจจาระ จะมีทั้งเชื้อโรค แบคทีเรีย และปรสิต ส่วนเสมหะ อาจจะมีตัวอ่อนของพญาธิลำไส้ และโรคทางเดินหายใจ ทั้งวัณโรค รวมไปถึงโรคโควิด-19 ส่วนปัสาวะและขี้ไคล จะมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค และสารเคมีต่างๆ และยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโรคต่างๆ เข้ามาในร่างกาย ทำให้ร่างกายติดเชื้อในกระแสเลือดถึงขั้นเสียชีวิตได้
พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาล หรือประชาชนในอำเภอ ผู้ว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านไม่ควรจะปล่อยในลัทธินี้ขยาย เพราะว่าจะเสื่อมหนักไหนจะโรคภัย ไข้เจ็บ ไหนจะเหตุผลในความเชื่อมันไปหมดเลย พระพุทธเจ้าท่านถึงบอกว่า ศรัทธาต้องสัประยุทธ์ด้วยปัญญา แต่ชาวบ้านเหล่านี้ไม่สัประยุทธ์ด้วยปัญญาแต่อย่างใด ไปหลงเชื่อเอาของเน่าเสีย ของบูด ที่เรียกกันว่า นำมาซึ่งพาหะของโรค ถ้ายังปล่อยอย่างนี้เอาศพไปเก็บไปกอง
พระพยอม กัลยาโณ กล่าวด้วยว่า การคิดเป็น “พุทธะบิดา” มันมีมาตั้งหลายยุค หลายสมัยมาแล้วจนปัจจุบัน หากรัฐบาลปล่อยปะละเลย มันอาจจะเกิดผีครองเมืองก็เป็นได้ มันเป็นยุคที่คนเล่นผี เล่นของอะไรกัน จนกระทั่งอาจจะทำให้เกิดเป็นลัทธินิยมที่คนหันมาศรัทธากัน เกิดความพอใจ เกิดเลื่อมใส เกิดเชื่อ และทุกคนก็จะเริ่มทำตัวเป็นเจ้าลัทธิศาสดามากยิ่งขึ้น ทุกอย่างมันจะแย่ลง พระพุทธเจ้ารวมทั้งอาจารย์เกจิดังๆ ก็ไม่เคยมีใครสอนให้กิน ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ แต่อย่างใด แต่ทำไมกลับสอนอุตริแบบนี้ และตอนนี้เท่าที่ทราบทางหน่วยงานอำเภอ จังหวัดเข้ามาดูแล แต่ทำไมกลับมีคนต่อต้าน ปกป้องเรื่องเสียๆ แบบนี้ แต่ทำไมเรื่องดีๆ ถึงไม่ทำกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยากให้หน่วยงานจัดการให้ไว้ อยากปล่อยให้เกิดลัทธินี้แพร่กระจาย จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเชื่อง่าย งมงายมากขึ้น จะนำมาซึ่งการสูญเสียสติปัญญา