Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

รองนายกฯ ‘สมศักดิ์’ เผยพรุ่งนี้เรียกประชุมทุกฝ่าย ถกสาเหตุ-แก้ปัญหาระยะยาว หลังโรงงานพลุระเบิด สุพรรณบุรี ผู้เสียชีวิต 23 ราย ด้าน ผบ.ตร. สั่งตั้ง ศปก. พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุพลุระเบิด ภายในโรงงาน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านศาลาขาว หมู่ที่ 3 ต.สวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี และศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรณีพลุระเบิด ที่วัดโรงช้าง นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์โดยสรุปว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในทุกด้าน โดยเบื้องต้นครอบครัวผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยาประมาณรายละ 300,000 บาท ขณะที่พรุ่งนี้ (19 ม.ค. 67) เวลา 11.00 น. ตนมีประชุมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นทุกประเด็น รวมถึงการบูรณาการในการแก้ปัญหาไม่ให้เกิดเหตุระเบิดซ้ำอีก พร้อมจะหารือถึงการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ โดยข้อสรุปจากที่ประชุม จะนำเสนอนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารหน้า เพราะเรื่องนี้นายกฯ ได้มีความห่วงใยเป็นพิเศษ ตนจึงรีบเดินทางลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน

ส่วนสาเหตุที่เกิดครั้งนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าโรงงานพลุมีวัตถุระเบิด คือดินปืน ที่เป็นตัวจุดระเบิด แต่สิ่งที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บ เสียชีวิต เป็นเพราะตัวเร่ง คือ โพรเทสเซียมคลอเลต (KClo3) ที่เป็นสารแคตตาไลท์ ซึ่งเมื่อมีดินปืนระเบิด ทำให้เกิดการสันดาป จึงเกิดแรงระเบิดและแรงอัด ที่ทำให้ผู้อยู่ในบริเวณเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นทุกปี ดังนั้นจากนี้ต้องมีการแก้ปัญหา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า โรงงานมีการขอใบอนุญาตการให้ทำและค้าดอกไม้เพลิงถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงกระทรวงกลาโหม ได้ตรวจสอบการสั่งซื้อสารเคมีประกอบวัตถุระเบิด พบว่า ปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้อง ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจสอบพบว่า สถานที่เก็บพลุแห่งนี้ ไม่ได้ขออนุญาตเป็นโรงงาน จึงทำให้ไม่มีการตรวจสอบวัตถุอันตราย ตนจึงมองว่า ตรงนี้เป็นจุดอ่อน เพราะทำให้ไม่มีการตรวจสอบ ส่วนผลกระทบจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่อาจเกิดสารเคมีแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่เกิดระเบิด เพราะมีสารดินปืน และโพรแทสเซียมคลอเลต จำนวนมากเกินไปใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สารโพรแทสเซียมคลอเลต เป็นสารไม่สันดาปเอง แต่เป็นตัวเร่ง หรือสารแคทตาไลท์ ทำให้เกิดแรงอัดสูง เป็นสารที่ต้องควบคุมปริมาณ ซึ่งไม่ได้ยืนยันสาเหตุแน่ชัด เพราะอยู่ในการพิสูจน์ของตำรวจ แต่ตนมองว่า กฎหมายและระเบียบทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ ไม่สามารถควบคุมให้เกิดความปลอดภัยต่อโรงงานลักษณะนี้ในทุกประเด็น โดยจะเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการศึกษาว่า จะต้องปรับกฎเกณฑ์อะไรบ้าง

ส่วนกรณี ครอบครัวหนึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 6 ราย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สะท้อนว่าบางครั้งประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอกับอาชีพ ดังนั้น เราต้องแก้ไขปัญหาความยากจนด้วย และต้องสร้างหลักประกันให้คนทำงานอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะการทำงานในโรงงานลักษณะนี้ ที่มีวัตถุระเบิด โดยควรมีประกันชีวิต เพราะมีความเสี่ยงที่สูงมาก

เมื่อถามว่า จะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์การขออนุญาตหรือไม่ เพราะโรงงานนี้ เคยเกิดเหตุมาแล้ว แต่เปลี่ยนชื่อและขอใบอนุญาตได้ใหม่ นายสมศักดิ์ ยอมรับว่า ความบกพร่องของระเบียบราชการที่ทำให้เกิดสิ่งนั้นได้ ดังนั้น เราต้องดูว่าการเปลี่ยนชื่อขอใบอนุญาตทำได้หรือไม่ โดยตนยังไม่ทราบในวันนี้ แต่จะตั้งคำถามนี้ในที่ประชุมวันพรุ่งนี้ด้วย เพราะเราต้องแก้ที่ต้นเหตุ ทั้งระเบียบ กฎหมาย และแบบแผนของแต่ละหน่วยงาน

วันเดียวกัน เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นำคณะลงพื้นที่เช่นกัน สั่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) 2 จุด คือ ศปก.สน.ฯ ตั้งอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ , นิติเวช, พิสูจน์หลักฐาน , ฝ่ายปกครอง, กู้ภัย ตรวจพิสูจน์สถานที่เกิดเหตุ และ ศปก.ร่วมฯ ตั้งอยู่ที่วัดโรงช้าง เพื่อนำศพทั้ง 23 ราย มาตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ และให้การช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต ร่วมกับหน่วยงานอื่น

ผบ.ตร. กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย วันนี้มาเป็นกำลังใจให้ทีมงาน เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยพยายามลงมาช่วยเหลือญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต และตรวจสอบให้ได้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร ตามข้อห่วงใยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ขณะนี้ยืนยันเสียชีวิตประมาณ 23 ราย แต่ตอนนี้พบร่าง 22 ราย ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ 4 ราย กำลังจะเคลียร์พื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และอีโอดี (EOD) เข้าไปเคลียร์พื้นที่อีกครั้ง ตอนนี้ยังทยอยนำศพออกมา ซึ่งการเข้าเคลียร์พื้นที่ต้องใช้ความระมัดระวัง และต้องรักษาสภาพที่เกิดเหตุไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อตรวจสอบวัตถุพยานที่เกิดเหตุนั้นสำคัญเพื่อดูสาเหตุการเกิดเหตุครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องระเบิดไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ เราต้องเก็บวัตถุพยานไว้ให้ได้มากที่สุด เราไม่มีผู้รอดชีวิตจากที่เกิดเหตุมาเลย จึงไม่มีประจักษ์พยานมาบอกว่าสาเหตุอะไร ดังนั้นต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการช่วยตรวจพิสูจน์ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ทั้งนี้ได้สั่งการให้ระดมชุดพิสูจน์หลักฐาน นิติเวช และพนักงานสอบสวน ร่วมตรวจที่เกิดเหตุ หาพยานหลักฐาน พิสูจน์ทราบสาเหตุการระเบิด อย่างละเอียดรอบคอบ และทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา รวมทั้งประเด็นข้อสงสัยของสังคมเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

พร้อมกันนี้ ยังได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศ ร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงาน ที่เก็บพลุ วัตถุอันตรายที่ในลักษณะใกล้เคียง เพื่อหามาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก และหารือฝ่ายปกครองว่า เราควรจะนำโรงงานแบบนี้ออกมาอยู่นอกชุมชนดีกว่าหรือไม่ ไม่ควรไปตั้งในชุมชน เพราะโอกาสเกิดระเบิดหลายสาเหตุ เมื่อเป็นอันตรายและเกิดการสูญเสียจำนวนมาก เราก็ต้องคุยกัน หรืออาจต้องกำหนดโซนนิ่งหรือไม่ เพื่อไม่ให้ชุมชนตามออกไป เราพยายามทำ ไม่อยากให้วัวหายแล้วล้อมคอก

ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) กล่าวว่า สำหรับในกระบวนการขั้นตอนตรวจพิสูจน์เพื่อยืนยันว่า ร่างผู้เสียชีวิตเป็นใครและเป็นญาติของใคร แบ่งหน้าที่กันระหว่างนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐาน โดยนิติเวชจะตรวจดีเอ็นเอจากร่างศพผู้เสียชีวิต และสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐานจะตรวจดีเอ็นเอของญาติผู้เสียชีวิต ทั้ง 23 ราย และจะนำมาตรวจพิสูจน์ว่า ร่างผู้เสียชีวิตรายใดเป็นของญาติของใคร ในประเด็นนี้ได้สั่งการให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 2 วัน เพื่อให้ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

พลุระเบิด ในโรงงาน จ.สุพรรณบุรี ปภ.ระบุเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 20 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก

คืบหน้า ‘พลุระเบิด’ ที่ จ.สุพรรณบุรี ผู้เสียชีวิต 22 ราย พิสูจน์อัตลักษณ์ได้แล้ว 20 ราย

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า