การชนะเลือกตั้งของโดนัล ทรัมป์ กำลังจะส่งผลดีต่อบางสินทรัพย์เต็มๆ โดยเฉพาะกับหุ้นบางตัวและคริปโต เห็นได้จากราคา Bitcoin ที่พุ่งสูงสุดในรอบ 4 เดือนจนราคา 1 Bitcoin เท่ากับ 3,000,000 บาทหรือราวๆ 89,250 ดอลลาร์แล้ว
เท่านั้นยังไม่พอยังส่งอานิงสงส์ให้หุ้น TSLA (เทสล่า) ของอีลอน มักส์ที่โดนแซวว่าหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ ใช้เวลาแค่ 5 วันพุ่งแตะ 41.25% มูลค่าบริษัทแตะ 1 ล้านล้านเหรียญหรือราวๆ 36 ล้านล้านบาทไปด้วย
[ ทรัมป์ สนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซีชัดเจน ส่วนเทสล่าต่างซัพพอร์ตกัน ]
ทั้งสองสินทรัพย์กำลังเติบโตได้ขนาดนี้ เพราะว่าความชัดเจนของทรัมป์และพรรครีพับลิกันที่ว่าจะสนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซี ไม่ว่าจะเป็น ให้รัฐบาลถือครองเป็นทุนสำรอง สนับสนุนการขุดบิตคอยน์ ปลดล็อกธุรกิจในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี และอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจาก CoinGecko บอกว่าตอนนี้มูลค่าตลาดคริปโตทั่วโลกทั้งหมดทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์หรือราวๆ 109 ล้านล้านบาทในรอบ 3 ปี
และยังมีหุ้นตัวอื่นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย เช่น
-
-
-
- Coinbase +19.8%
- Robinhood + 7.4%
-
-
ในส่วนของเทสล่าที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาก็เพราะเจ้าของอย่าง ‘อีลอน มักส์’ ออกตัวแรงว่าสนับสนุน ทรัมป์ เน้นปรากฎตัวให้ประชาชนพบเจอบ่อยๆ ช่วงพรรครีพับลิกันหาเสียง แต่งกายแสดงออกเป็นนัยๆ ว่าเชียร์ใคร รวมถึงเคยให้เงินสนับสนุนพรรครีพับลิกัน
พอทรัมป์ชนะก็มีข่าวบอกไว้อีกว่าเขาจะสนับสนุนการสร้างรถยนต์ไร้คนขับของเทสล่า ทำให้ภาพที่ออกมาดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังสนับสนุนซึ่งกันและกัน
[ ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น แต่นักเศรษฐศาสตร์เตือนนโยบายแบบนี้ระยะยาวอาจวิกฤต ]
ในภาพรวมของตลาดหุ้นดัชนี S&P 500 และ Nasdaq หลังจากจบวันเลือกตั้งมีการเปลี่ยนแปลงน้อย ได้รับอานิสงส์ขึ้นมานิดหน่อย
“ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังอยู่ในภาวะพุ่งสูงขึ้น โดยกลุ่มนักลงทุนที่มองโลกในแง่ดีเชื่อว่าการที่ทรัมป์เข้ามาบริหารจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ด้วยนโยบายส่งเสริมการทำธุรกิจ เช่น การลดภาษี การเพิ่มการใช้จ่ายของภาครัฐ และการผ่อนปรนกฎระเบียบ ซึ่งอาจกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้น” ดรูว์ เพตติต ผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์หุ้นสหรัฐของ Citi ให้ความเห็นกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ เช่น นโยบายกีดกันทางการค้า (Trade War) ที่อาจทำให้ความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าทั่วโลกแย่ลง และส่งผลกระทบต่อความเสถียรของเศรษฐกิจในระยะยาว
ขณะเดียวกันค่าเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นประมาณ 0.5% เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ (นับตั้งแต่ช่วงวันจันทร์) ซึ่งถือเป็นการแข็งค่าที่สุดในรอบ 5 (นับตั้งแต่เดือน ก.ค) ขณะที่ยูโรลดลงมากกว่า 0.6% โดยร่วงลงในช่วงซื้อขายแตะระดับต่ำสุดที่ 1.063 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำสุดตั้งแต่เดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตอนนี้มีนักเศรษฐศาสตร์ออกมาเตือนว่า นโยบายของทรัมป์ ทั้งการลดภาษี การเรียกเก็บภาษีสูง การแทรกแซงนโยบายการเงิน และการเนรเทศผู้อพยพจำนวนมาก อาจทำให้การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลเพิ่มขึ้นและสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งอาจเป็นผลกระทบเชิงลบในระยะยาว นโยบายที่ค่อนข้างสุดโต่งเหล่านี้จึงอาจสร้างความไม่แน่นอนในอนาคตนั่นเอง
ที่มา