SHARE

คัดลอกแล้ว

‘TABBA’ เล็งยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ทบทวนไทม์ไลน์ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้สอดคล้องกับเปิดประเทศ 1 พ.ย. แต่เปิดให้ดื่มได้ 1 ธ.ค. ไม่สอดคล้องกันขัดหลักความเป็นจริง ด้าน นายกฯ ผู้ค้าถนนข้าวสาร จี้รัฐเลิกเคอร์ฟิว อย่าสร้างเงื่อนไขเยอะ กังวลนักท่องเที่ยวไม่อยากมาไทย

วันที่ 12 ต.ค.2564 นายธนากร คุปตจิตต์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) พร้อมด้วย นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจบนถนนข้าวสาร และ CEO ของ Buddy Group ร่วมสะท้อนมุมมองในมิติการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว หลังเผชิญกับวิกฤตโควิดมานานนับปี ในหัวข้อ “ชัด-ลึก ธุรกิจแอลกอฮอล์ไทย เพื่อเศรษฐกิจไทย พร้อมความปลอดภัยในการเปิดประเทศ”

นายธนากร กล่าวว่า จากการแถลงของนายกรัฐมนตรี ถึงการประกาศเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแบบไม่ต้องกักตัวในวันที่ 1 พ.ย. 2564 ที่กำลังจะมาถึงนี้ และจะพิจารณาให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในอีกเดือนถัดไป นั่นคือ วันที่ 1 ธ.ค.นั้น มองว่าเป็นไทม์ไลน์ของนโยบายที่ไม่สอดคล้องกันทั้งในแง่ปฏิบัติและการสร้างโอกาสการจับจ่ายใช้สอย

“เมื่อวานที่รัฐบอกเปิดประเทศ วันที่ 1 พ.ย. โดยให้นำร่องจากประเทศเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศก่อน กับจะเปิดให้ดื่มกิน (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์) วันที่ 1 ธ.ค. คือมันไม่ล้อกัน ความจริงนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวถ้าไม่มีการเปิดให้ดื่มกิน ก็ไม่มีการจับจ่ายใช้สอยนะครับ ผมขอตั้งคำถามไปครับ”

หลังจากนี้ ทางสมาคมฯ และเครือข่าย เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ทบทวนการพิจารณาไทม์ไลน์ดังกล่าว โดยรายละเอียดข้อเรียกร้องต่าง ๆ จะหารือกับเครือข่ายและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง หลังทราบผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ เนื่องจากครบ 120 วันกำหนดเปิดประเทศ  ทั้งนี้มองว่านโยบายภาครัฐต้องมีความชัดเจนและเหมาะสมกันทั้งด้านระบบสาธารณสุข สภาพเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจ

“1 พ.ย. เมื่อเปิดประเทศแล้วนั้น ต้องคิดเอาความจริง นักท่องเที่ยวเขามา จะไม่ให้เขาดื่มกินในร้านอาหาร เขาไม่มาหรอกครับในเงื่อนไขอย่างนี้ หากมาก็จะถูกตำหนิและถูกบอกต่อไปในที่สุดนักท่องเที่ยวก็จะหาย”

พร้อมมองว่าการแถลงของนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีความชัดเจนมากพอ ส่งผลให้ร้านอาหารและสถานบันเทิงต่าง ๆ ขาดความเชื่อมั่น ไม่กล้าที่จะว่าจ้างนักดนตรี พ่อครัว พนักงาน วัตถุดิบ หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ เข้ามา ซึ่งยังมองว่าเป็นความเสี่ยง จากประสบการณ์ในปีก่อนๆ กรณีเปิด-ปิดสถานประกอบการที่เปลี่ยนไปมา จนส่งผลกระทบต่อต้นทุนการจัดจ้างและการจัดซื้อ

นายธนากร เผยถึง ภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19  มีมูลค่าการตลาด 3.7 แสนล้านบาทต่อปี ถัดมาปี 2563 มูลค่าตลาดหายไปเกือบ 50% เหลือราว 2.6 – 2.7 แสนล้านบาทต่อปี

แน่นอนว่าหากพิจารณาให้วันที่ 1 พ.ย.นี้ นำร่องขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบางพื้นที่ได้ เช่น ร้านอาหาร และโรงแรม ก็จะสร้างบรรยากาศให้สภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร และบันเทิงโตขึ้นอย่างแน่นอน พร้อมส่งผลบวกให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมนี้ได้รับอานิสงค์ไปด้วย เพราะในมิติของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังมีธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร สถานบันเทิง โรงแรม ร้านค้าปลีก โมเดิร์นเทรด และร้านค้าทั่วไป ตลอดจนเกี่ยวข้องกับธุรกิจบันเทิง ดนตรี ตลก บาร์เทนเดอร์ พนักงานบริการ พนักงานเสิร์ฟ รวมถึงธุรกิจบริการที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พวกมิ๊กเซอร์ก็เกี่ยวข้องหมด ซึ่งหากมองให้ลึกลงไปยังมีครอบครัวของบุคคลที่อยู่ในธุรกิจและอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย

ด้านมาตรการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวของสถานประกอบการ ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยคลัสเตอร์ในสถานบันเทิงในอดีตนั้น เชื่อว่าปัจจุบันอยู่ในช่วงเป็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ประชาชนมีการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงมากกว่าอดีต ในร้านเข้มงวดเรื่องมาตรการต่างๆ มากขึ้น ปัญหานี้ก็จะน้อยลงตามไปด้วย

สอดคล้องกับ นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจบนถนนข้าวสาร และ CEO ของ Buddy Group กล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาของปี 2564 ธุรกิจบันเทิงเปิดได้เพียง  1 เดือน เพราะฉะนั้นเรื่องของรายได้แน่นอนว่าไม่มีเลย ส่วนเรื่องของการช่วยเหลือจากภาครัฐ เรื่องเงินทุนก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นธุรกิจเทาๆ ขั้นตอนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนก็เป็นไปได้ยาก ทำให้ธุรกิจโดนกระทบมากตั้งแต่ปีที่แล้ว

“ตอนนี้ร้านอาหารในถนนข้าวสารเอง ต่อให้รัฐประกาศเปิดร้านอาหารได้ แต่ 90 % ก็ยังคงปิดตัวอยู่ เพราะไม่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ เนื่องจากถนนข้าวสารเดิมเป็นเรื่องของ Walking Street มีนักท่องเที่ยวมาอย่างน้อยสองหมื่นคนต่อวัน แต่วันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยว จากที่เป็น Walking Street  เราก็พยายามปรับโมเดลให้เป็น entertainment Street มากขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว”

ส่วนผลประกอบการของบริษัท Buddy Group เองเมื่อปีที่แล้ว (ปี 2563) ช่วงปิดโควิดระลอก 1 และระลอก 2 บริษัทติดลบหลักสิบล้านบาท แต่พอคลายล็อกช่วงปลายปีก็สามารถตีตื้นขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นสะท้อนว่าการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ทำให้บริษัทจากติดลบ 40-50 ล้านบาท สามารถฟื้นกลับมาได้ จึงคิดว่าการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ช่วยได้มาก

ถนนข้าวสารจากเดิม Walking Street  เราทำให้เป็น Entertainment Street เพื่อให้คนไทยนึกถึง entertainment ให้นึกถึงข้าวสาร ดึงดูดนักท่องเที่ยวไทย ที่เราปรับก็เพื่อความอยู่รอด ในเมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเหมือนเดิม ทำยังให้คนไทยมาเที่ยวมากินเดินดื่มเราก็ปรับโมเดลของเราไป

ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสารได้ปรับโมเดลธุรกิจแล้ว แต่นโยบายจากภาครัฐต่าง ๆ ยังไม่เอื้ออำนวยให้กับธุรกิจ Entertainment จนวันนี้เราก็ยังคงปิดตัว เราก็คาดหวังว่าหลังจากเปิดประเทศ หรือถ้าวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ให้เริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ทุกอย่างน่าจะค่อย ๆ ทยอยกลับมา

“แต่ต้องเรียนว่านายกฯ พูดเรื่องเปิดประเทศ และพูดถึงเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังไม่ได้พูดถึงเคอร์ฟิว ซึ่งเคอร์ฟิวเป็นสิ่งที่กระทบนักท่องเที่ยว วันนี้ที่นักท่องเที่ยวไม่เข้ามาที่ภูเก็ตเพราะมีเรื่องของการกักตัว บ่นเรื่องการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตอนนี้ทุกประเทศต้องการนักท่องเที่ยว ไม่ใช่เฉพาะไทย เพราะฉะนั้นการที่เรามัวแต่สร้างกฏระเบียบเยอะนักท่องเที่ยวไม่อยากมา”

แม้ว่าจะเริ่มเห็นว่าวันนี้นายกฯ ได้ผ่อนคลายมาตรการการกักตัวผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ จากเดิม 14 วัน เป็นเหลือ 7 วัน หรือบางประเทศไม่ต้องกักตัว ก็ถือเป็นตัวแปรตัวหนึ่ง แต่ยังไม่พูดเรื่องเคอร์ฟิว ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าถ้ามีเคอร์ฟิวอยู่นักท่องเที่ยวยังไม่เข้ามา ฉะนั้นควรต้องตัดสินใจให้ชัดเจน สร้างกฏระเบียบให้เด็ดขาด แล้วก็ประกาศออกมาทีเดียว

นอกจากนี้ นายสง่า ยังมองว่า กฎระเบียบต่าง ๆ ยังไม่ชัดเจนสำหรับนักท่องเที่ยว แน่นอนผลกระทบก็ยังมี ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ ก็ทำให้เห็นแล้วว่ามันไม่เวิร์ก เปิดได้ประมาณสามเดือนกว่าแล้ว มีนักท่องเที่ยวที่สนามบินเฉลี่ยวันละ 300 กว่าคน มันห่างไกลอีกเยอะ จากเดิมที่ในสถานการณ์ปกติที่สนามบินภูเก็ตมีถึง 40,000 – 100,000 คน

“เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่ชัดเจนก็ไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ รวมถึงนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน หนึ่งในสามเป็นนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งตัดทิ้งไปเลยตอนนี้เขายังไม่เดินทางมาประเทศไทยแน่นอน เพราะเมื่อกลับไปประเทศเขา เขายังต้องกักตัว มองว่าการเปิดหรือการทำอะไรให้มันง่ายลดกฏระเบียบลงจะช่วยเรื่องเศรษฐกิจได้เยอะ และเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องบริหารจัดการเรื่องของสาธารณสุขและเศรษฐกิจให้ควบคู่กันไปให้ได้”

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสารที่ยังเหลือ ได้เตรียมมาตการเตรียมรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พ.ย.นี้ไว้แล้ว โดยกึ่งบังคับให้ผู้ประกอบการถนนข้าวสารทุกคน ต้องได้รับวัคซีนต้านโควิดสองเข็ม ล่าสุดก็ฉีดกันแล้ว 90%  ส่วนมาตรการสาธารณสุขก็ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยอาจจะประสานกับเขตพระนคร เพราะนอกจากเรื่องการตรวจคนที่เข้ามาใช้บริการต้องได้รับวัคซีนแล้ว การรักษาระยะห่าง และการมีเจลแอลกอฮอล์ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว

แน่นอนว่าปการประเทศเปิดประเทศส่งผลให้บรรยากาศโดยรวมคึกคักและมีความหวังถึงการฟื้นตัวทางธุรกิจอีกครั้ง  โดยผู้ประกอบการในถนนข้าวสาร ได้เริ่มหารือเรื่องจัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์สิ้นปีนี้ว่าจะมีการจัดหรือไม่  แต่ในมุมผู้ประกอบการเชื่อว่าแม้จะเปิดประเทศนักท่องเที่ยวก็จะยังไม่เยอะ เพราะกังวลเรื่องของเคอร์ฟิว กฏระเบียนยังไม่ชัดเจนให้กับนักท่องเที่ยว

“ถ้าวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ประกาศว่าจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ผู้ประกอบการจะกลับมาเปิดอีกครั้งหนึ่ง แต่วันนี้ก็ต้องบอกว่าผู้ประกอบการล้มหายไปประมาณ 50% แต่เชื่อว่ายังมีกลุ่มใหม่ ๆ ที่ยังสนใจในถนนข้าวสาร และก็เป็นโอกาสของคนกลุ่มใหม่ที่จะเข้ามา” นายสง่า กล่าวทิ้งท้าย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า