SHARE

คัดลอกแล้ว

เชื่อว่าประเทศไต้หวัน คงเป็นทิศทางในฝันของใครหลายๆ คน เพียงแต่เมื่อก่อน อาจไม่เป็นที่นิยมในหมู่คนไทยมากนัก เพราะต้องทำ Visa ในการเดินทาง แต่หลังจากที่ ทางการไต้หวัน ประกาศให้คนไทย เข้าพำนักในไต้หวันได้ฟรี เป็นเวลา 30 วัน เลยทำให้คนไทยไปเที่ยวกันมากขึ้น

ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนักเดินทางที่มีจุดหมายคือ ‘ไต้หวัน’ หลังจากที่ลังเลอยู่นานว่าจะไปดีไหม วางแผนข้ามปี สุดท้ายมาตัดสินใจไปแบบจองตั๋วล่วงหน้าสองสามอาทิตย์ แล้วก็ไปเลย +_+” ฉะนั้น การเดินทางในครั้งนี้ ไม่มีแบบแผนอะไรมาก มีแค่ต๋วเครื่องบิน ที่พักคืน 2 คืนๆ ละ 300+ การเดินทางทั้งไปและกลับครั้งนี้ ฉันใช้บริการสายการบิน Tiger Air Taiwan บินตรง BKK- TPE ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงสนามบินเถาหยวน ประมาณ เที่ยงคืน ดังนั้น คืนแรก ฉันเลยเลือกที่จะนอนสนามบิน เพื่อประหยัดค่าที่พัก และ ค่าเดินทาง

สนามบินเถาหยวน ที่นี่ดีมาก มีจุดให้ชาร์ทไฟ ทั้งเต้าเสียบแบบ USB และแบบเป็นปลั๊ก มี Free Wifi ด้วย แต่แอร์ที่สนามบินตอนกลางคืนเย็นมาก ใครจะมานอนที่สนามบินพกผ้าห่มบางๆ มาด้วยก็ดี

*ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นมา การเข้าประเทศไต้หวัน สามารถกรอกใบขาเข้าออนไลน์ได้ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ https://oa1.immigration.gov.tw/nia_acard/acardAddAction.action แล้วก็กรอกข้อมูลส่วนตัวของเรา เป็นภาษาอังกฤษ  โดยจะกรอกก่อนเดินทาง 1 วัน หรือหากใครสะดวกกรอกแบบเอกสารธรรมดา ก็สามารถขอได้จากทางสายการบินบนเครื่องก็ได้เช่นกัน

การเดินทางเข้าเมืองไทเป จากสนามบินเถาหยวนนั้น มีหลายแบบ ทั้ง Taipei Metro หรือ Airport MRT  ซึ่งฉันเลือกเดินทางด้วยรถบัส สาย 1815 โดยสามารถซื้อตั๋วได้บริเวณชั้นล่างทางฝั่งขาออกของสนามบิน ราคาตั๋ว 140 TWD ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 – 50 นาที รถจะไปจอดที่ Taipei Main Station

Taipei Main Station เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางการเดินทางไปยังที่ต่างๆ มีทั้งรถไฟใต้ดิน รถไฟความเร็วสูง และ สถานีรถบัสต่างๆ ก็จะเชื่อม เดินถึงกันได้หมด และ ทุกการเดินทาง หรือ ซื้อของใน 7-11 // Family Mart หรือ ตามร้านค้าทั่วไป ฉันจะใช้บัตร Easy Card (ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเดินทางของคนไต้หวันเลยหล่ะ) โดยการซื้อบัตร Easy Card เราต้องจ่ายค่าบัตร 100 TWD แล้วเติมเงินเข้าไป ขั้นต่ำอยู่ที่ 100 TWD

สามารถซื้อได้ที่บูท Information ของ Airport MRT อยู่ที่ Arrival hall เพียงเดินทางจากที่จะไป Departure hall บูทจะอยู่ทางขวามือ หรือ ตามร้านค้า 7-11 ที่ประกาศขายก็ได้เช่นกัน

โอบไหล่ “ไต้หวัน”

เนื่องจากมีเวลาไม่มาก ตลอด 3-4 วัน ฉันจึงเที่ยวใน “ไทเป” เป็นหลัก หลังจากเอาของไปฝากไว้ที่โรงแรม ก็เริ่มสู่เป้าหมายแรก นั่นคือ “Maokong Gondola”  การเดินทางไปกระเช้า Maokong Gondala นั้นง่ายมาก โดยนั่งรถไฟฟ้า สายสีน้ำตาลจากในตัวเมืองไปลงสุดสายที่ สถานี Taipei Zoo จากนั้น ก็เดินต่อไปอีกนิด ก็จะถึงจุดขายตั๋วขึ้นกระเช้า .. ราคา ตามระยะทาง อยู่ที่ 70 – 100 – 120 (ปี 2018) มีอยู่ทั้งหมด 4 สถานีด้วยกัน คือ

1. สถานีแรกอยู่ข้างสวนสัตว์ไทเป Taipei Zoo Station (動物園站)

2. สถานีที่สอง จะอยู่ที่ประตูทางออกด้านหลังของสวนสัตว์ไทเปทางทิศใต้ Taipei Zoo South Station (動物園內站)

3. สถานีที่สามจะอยู่ใกล้กับวัดซื่อหนาน Zhinan Temple Station (指南宮站)

4. สถานีสุดท้าย สถานีเมาคง Maokong Station (貓空站) จะเป็นแหล่งปลูกชาเมาคง .. // ฉันนั่งไปในจุดที่สูงที่สุด เพื่อชมไร่ชา หมู่บ้านบนเขา นักท่องเที่ยวเยอะมาก บรรยากาศดีตลอดเส้นทาง ความเขียวชอุ่ม ตัดกับไอแดดอย่างดี ฉันใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร ขากลับ เลือกที่จะนั่งรถตู้ลงมายังสถานี เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็ถึงรถไฟฟ้า

*เวลาเปิด-ปิด: วันอังคาร-วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์: 09:00-21:00 วันศุกร์-เสาร์: 08:30-22:00 วันปิดทำการ: หยุดทุกวันจันทร์

ตึกไทเป 101

“Taipei 101” เรียกได้ว่าเป็นความภูมิใจของคนไต้หวัน การก่อสร้าง การตกแต่งทั้งภายนอก และภายในตัวอาคาร ต่างมีประวัติ และความเป็นมาที่น่าสนใจ ตอนฉันไปอากาศร้อนมาก คนเยอะมาก เนื่องจากมีงานออกบู๊ท แม่และเด็ก +-+” หันไปทางไหนก็เจอแต่ คู่แม่ลูก เลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ก่อนออกเดินทางต่อ

ตึกไทเป 101(Taipei 101) อยู่เชื่อมกับสถานีรถไฟใต้ดิน MRT Taipei 101/World Trade Center Station สายสีแดง ทางออก Exit 4

Si Si Nan Cun หมู่บ้านทหารโบราณ

Si Si Nan Cun หมู่บ้านทหารโบราณ สถานที่แห่งนี้เป็นต้นแบบของอนุรักษ์หมู่บ้านเก่าแก่ และนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยว และการศึกษาทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ดั้งเดิมของชาวไต้หวัน เดิมที่เป็นหมู่บ้านของนายทหารและภายหลังไม่มีการเข้าใช้งานแล้ว จึงถูกนำมาปรับปรุงใหม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีทั้ง ตลาดนัดอาหารออแกนิก ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษ จำหน่ายในทุก ๆ วันหยุด ..// พร้อมกับมีพิพิธภัณฑ์ บอกเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านให้นักท่องเที่ยวได้รับชมกันด้วย ..// จากหมู่บ้าน จะสามารถเห็นตึก ไทเป 101 ได้อย่างชัดเจน เป็นอีกหนึ่งมุมที่ควรค่าแก่การถ่ายรูป ><”
*การเดินทาง นั่ง MRT สายสีแดง (Tamsui – Xinyi Line) มาลงที่สถานี Taipei101/World Trade Center จากนั้นให้ออกที่ Exit 2

วัดหลงซาน (龍山寺)
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีผู้คนเคารพนับถือ ที่นี่มี “เจ้าแม่กวนอิม” ประดิษฐานอยู่ด้านในตัววัด เป็นที่เลื่อมใสและศูนย์กลางของความศรัทธาของชาวไต้หวัน // วันหลงซานเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในไทเป นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จะมาขอในเรื่องความรัก หรือเนื้อคู่ มีเครื่องรางให้เลือกบูชา มากมาย ฉันเองก็ซื้อมาเหมือนกัน น่ารักดี (ผ่านมานานแล้ว ก็ยังไม่มีใครผ่านมาซักที 555555)
เอาเป็นว่าใครมาเที่ยวไทเป แล้วไม่มาวัดหลงซาน ถือว่า มาไม่ถึงนะจ๊ะ ..// ส่วน คนไทยจะเรียกที่นี่ว่า “วัดเขามังกร”
*การเดินทาง นั่ง MRT ไปลงสถานี Longshan temple สายสีน้ำเงิน ออกประตู 1

ปีนเขา XIANGSHAN ถ่ายรูปที่จุดชมวิว TAIPEI 101 อีกหนึ่งสถานที่ ที่ฉันอยากจะมาเอาชนะใจตัวเอง (หลังจากที่ไปลมจับที่ โคตา คินาบาลูมา) นั่นก็คือ ปีนเขา XIANGSHAN ถ่ายรูปที่จุดชมวิว TAIPEI 101 หรือ ที่ใครหลายๆ คนเรียกกันว่า “เขาช้าง”

การเดินทางมาที่เขา Xiangshan นั้นไม่ยากเลย (แต่เดินเยอะ) ให้นั่ง MRT สายสีแดง มาลงที่สถานีปลายทาง Xiangshan ซึ่งถ้าใครจะมาเที่ยว Taipei 101 ด้วย ให้ลงที่สถานี Taipei 101 ซึ่งอยู่ก่อนหน้ามา 1 สถานีเท่านั้น พอถึงสถานี MRT Xiangshan แล้ว ให้ออกทาง Exit 2
เดินไปเรื่อยๆ จะเจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้ายขึ้นเนินไป ตามเส้นทาง จะป้ายบอกตลอด จนไปเจอทางขึ้น เป็นบันไดค่อนข้างชัน … ฉันเดินไปถึงทางแยก คนส่วนใหญ่ไปทางขวา แต่ฉันกับเลือกเดินไปทางซ้าย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เดินไปเรื่อยๆ พบว่าคนน้อยมาก จนคิดว่าจะหลงไหม? +_+ จนกระทั่งไปเจอเส้นทางบรรจบกันเลยคิดว่ารอดหล่ะ

เส้นทางไม่ได้ไกล แต่เป็นบันไดเสียส่วนใหญ่ แนะนำให้เอาน้ำติดไปด้วย เพราะบนเขาไม่มีน้ำขาย ..// ระหว่างทางจะมีเก้าอี้ให้นั่งพักเหนื่อยเป็นระยะๆ จุดชมวิวมีทั้งหมด 3 จุด แต่ละจุดก็สร้างความตื่นตาตื่นใจในการชมวิวต่างกันไป ฉันอดทน และพยายาม เดินขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุด คือ จุดชมวิว จุดที่ 3 และต้องขอบอกว่า มันคุ้มค่าจริง ๆ …

ปิดท้ายก่อน บ้ายบาย ไทเป กับสถานที่ที่บอกว่า อลังการมาก! กับ อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก Chiang Kai-Shek Memorial Hall เป็นหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศไต้หวัน และสถานที่ท่องเที่ยวหลัก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1976 เพื่อเป็นการรำลึกและเทิดทูนอดีตประธานาธิบดีเจียง ไคเชก ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลางของจตุรัสเสรีภาพ(Freedom Square) มีบันไดด้านหน้า 89 ขั้นเท่ากับอายุของท่านประธานาธิบดี โดยภายในจะมีรูปปั้นทำจากทองสัมฤทธิ์ของท่านในท่านั่งขนาดใหญ่ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากรูปปั้นของท่านในที่อื่นๆ ซึ่งจะมีทหารยืนเฝ้าไว้ 2 นายตลอดเวลา และที่กำแพงด้านในหลังจะมีข้อความปรัชญาทางการเมืองการปกครองของท่านอยู่ 3 คำ คือ จริยธรรม ประชาธิปไตย และวิทยาศาสตร์

ส่วนที่ชั้นล่างของอนุสรณ์สถานจะเป็นห้องจัดแสดงประวัติของอดีตประธานาธิบดีเจียง ไคเชก ซึ่งจะมีภาพถ่ายต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ ไปจนถึงเรื่องราวของการพัฒนาไต้หวันในด้านต่างๆให้ชมกันด้วย

เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน 09:00-18:00 การเดินทาง นั่งรถไฟฟ้า MRT สถานี Chiang Kai-Shek Memorial Hall สาย 2 สีแดงและสาย 3 สีเขียว ออกที่ทางออก Exit 5

อิ่มอร่อย พุงกาง กับเมนูยอดฮิต

ไทเป ไต้หวัน ต้องบอกว่าขึ้นชื่อเรื่องอาหารมาก ที่สำคัญ ราคาถูกพอๆ กับเมืองไทย ฉันลองชิมทุกอย่างที่อยากลอง ทั้ง ชานมไข่มุก ต้องบอกว่า เด็ด! ทุกรสชาติ // ชาเขียว ดื่มแทนน้ำเปล่าเลย เพราะน้ำเปล่าดันราคาแพง =_=” // ชอบมากคือ น้ำวุ้นไข่กบ ที่ตลาดซีเหมิน ฉันเดินไปซื้อกินทั้ง 3 วันตลอดที่อยู่ไทเป // หรือจะเป็น “บะหมี่อาจง” ตอนแรกฉันก็สงสัยว่าทำไม คนถึงไปต่อคิวเยอะขนาดนั้น กับบะหมี่ธรรมดา แต่พอได้ลองแล้ว มันไม่ธรรมดาจริงๆ มันนัว นุ่ม นิ่ม อร่อย กลมกล่อมไปอีก // ไอศกรีมชาเขียวบนเขาเมาคง ตกแต่งด้วยคุ้กกี้แมวแสนน่ารัก พอได้ลองคำแรกเท่านั้น จะบอกว่า ชาเขียวที่แท้ทรู ปริ่มมาก T^T”

ไฮไลท์ อยู่ที่ “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อยงคัง” ย่าน MRT ดงเมน ราคาค่อนข้างสูง (200 กว่าบาท) แต่ขนาดและรสชาติ ต้องบอกว่าคุ้มค่าสมราคา แอบเขินเหมือนกันตอนที่ไปกิน เพราะหนึ่งโต๊ะ จะมาสัก 2-3 คน สั่งมา 1 ถ้วย แบ่งกันกิน … แต่ฉันนั้น 1 คน จัดการคนเดียวหมดเกลี้ยง จนคนขายแอบอมยิ้มตอนเช็คบิลเหมือนกัน >,<”

การทำความรู้จักกับ “ไทเป” ครั้งแรกนั้น ถือว่าประทับใจอยู่ไม่น้อย อาจจะไม่ได้เที่ยวครบครัน โปรแกรมอัดแน่นจัดเต็มมากนัก เมื่อก่อนเวลาไปเที่ยวฉันอาจจะเร่งรีบเพื่อให้ได้สถานที่ให้ครบ ตามที่ใครหลายๆคนไปมา แต่เดี๋ยวนี้คิดว่าตัวเองค่อนข้างเปลี่ยนไปมากเช่นกัน … น้ำพุร้อนเป่ยโถว // สวน 228 Peace // Red House // Huashan 1914 Creative Park แต่ฉันแทบไม่ถ่ายรูปเลย เพราะอยากเดินดู และซึมซับบรรยากาศของแต่ละสถานที่ให้เต็มที่ ฉะนั้น “โอบไหล่ ไต้หวัน” ทริปนี้ ค่อนข้างจะมีรูปน้อยมาก แต่ทุกที่ล้วนอยู่ในความทรงจำฉันอย่างแม่นยำ ..

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า