คุยกับ ‘ยูโอบี ประเทศไทย’ ทำไมธนาคารถึงสำคัญ เมื่อเป็นเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า

“ภาคการเงินมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ อีกทั้งประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นที่ประเทศไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญ”

‘พนิตศนี ตั๊นสวัสดิ์’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บรรษัทธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เล่าให้ TODAY Bizview ฟังในการสัมภาษณ์

วันนี้ เราเห็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับความนิยมในไทยมากขึ้น ทั้งข้อดีที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม การเข้ามาทำตลาดของค่ายรถต่างๆ รวมถึงนโยบายภาครัฐที่สนับสนุน

แต่นอกจากคนซื้อรถยนต์ ค่ายรถ และนโยบายรัฐแล้ว ธนาคารก็เป็นอีกผู้เล่นสำคัญที่มีส่วนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เป็นอีกแรงหนุนสำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

[ รถยนต์ไฟฟ้า ตอบโจทย์ความยั่งยืน ]

สำหรับการเข้ามาในตลาด EV ของธนาคารฯ มีจุดเริ่มต้นมาจากภาพใหญ่ของธนาคารยูโอบี ที่อยากสนับสนุนความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนในภาคยานยนต์นั้น ก็เป็นเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเข้ามาทดแทนรถยนต์สันดาปแบบเดิม

นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าก็ค่อนข้างชัดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า การให้เงินสนับสนุนแก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 150,000 บาท และเป้าหมายในปี 2030 (2573) ที่อยากผลักดันสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30%

ธนาคารจึงได้ริเริ่มโครงการ U-Drive เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเงินของธุรกิจและผู้บริโภคในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านโซลูชันทางการเงินสีเขียวและยั่งยืนแบบครบวงจร และเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทางเลือกตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา

[ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย เติบโต 100% ]

นอกจากการสนับสนุนความยั่งยืนและนโยบายรัฐ ต้องยอมรับว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของธนาคารด้วย เพราะนอกจากจะตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยยังมีศักยภาพการเติบโตค่อนข้างชัดเจน

โดยในปี 2565 เป็นปีสำคัญที่รัฐบาลออกนโยบายภาษีและมาตรการจูงใจ (Incentive) ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปีก่อนเติบโตขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำยอดขายไปกว่า 20,000 คัน จาก 2-3 ปีก่อนหน้าที่มียอดขายอยู่ในหลัก 2,000-3,000 คันเท่านั้น

“ปีที่แล้วเป็นปีที่เห็นภาพชัดเจน มีผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้าหลายเจ้า หลายแบรนด์ เข้ามามากขึ้นในตลาด ปีนี้เอง เรามองว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยจะโตเกินกว่า 100% ยอดขายปีนี้ มองว่า ภาพใหญ่น่าจะถึงประมาณ 50,000-60,000 คัน”

ส่วนแนวโน้มตลาดต่อจากนี้ ธนาคารยูโปบี คาดว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจะยังเติบโตต่อเนื่องปีละ 30-40% ในระยะ 5 ปีข้างหน้า

[ สนับสนุนเงินกู้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ]

โครงการ U-drive ที่ธนาคารที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2564 เป็นโซลูชันด้านการเงินแบบครบวงจรสำหรับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อความยั่งยืน เพื่อสนับสนุนธุรกิจและผู้บริโภคในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ให้สามารถนำระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในประเทศไทย ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ในเฟสแรกธนาคารฯ ยังโฟกัสกับซัพพลายเชนของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก ตั้งแต่ผู้ประกอบการชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ ผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ในประเทศหรือต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น ยุโรป

นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังสนับสนุนในฝั่งของผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ดีลเลอร์ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงส่วนประกอบต่างๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า เช่น ตัวชาร์จไฟ สถานีชาร์จไฟ ผู้ให้บริการติดตั้งสถานีชาร์จ

ตัวแทนของภาครัฐ ทั้งการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รวมถึงปั๊มน้ำมันต่างๆ ที่ติดตั้ง ขณะที่กลุ่ม UOB เองก็ซัพพอร์ตตั้งแต่ผู้ประกอบการเหมืองลิเธียมและนิกเกิล

“ต้องบอกว่าเราไปในทุกๆ ภาคส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจริงๆ”

[ ศึกษาปล่อยสินเชื่อคนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ]

ส่วนแผนในระยะข้างหน้า ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย อยู่ระหว่างศึกษาการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า ให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถยนต์ EV ซึ่งเป็นปลายน้ำสุดท้าย เพื่อให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของยูโอบีทำได้อย่างครบวงจรมากที่สุด

แม้ว่าจะยังอยู่ระหว่างการศึกษาปล่อยกู้คนขับ แต่ภายใต้โครงการ U-Drive ธนาคารยูโอบีก็ได้ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรม EV ไปแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะปิดปีที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท

และจากการเติบโตของตลาดที่มากกว่า 100% คาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า โครงการ U-Drive จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้อีกประมาณ 30,000 ล้านบาท

ขณะที่การแข่งขัน จะเห็นว่า หลายธนาคารเองก็ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรม EV เช่นกัน แต่จุดแข็งของธนาคารยูโอบี คือ เป็นธนาคารแรกๆ ที่หันมาโฟกัสอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และมีการศึกษามาอย่างต่อเนื่องหลายปีก่อน ทำให้มีความเข้าใจในอุตสาหกรรม

“ทิศทางเราค่อนข้างชัดว่าซัพพอร์ตตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ”

[ ประเทศไทยครองแชมป์ EV ของอาเซียน ]

ขณะที่อัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเป็นเซกเตอร์ที่ธนาคารโฟกัส ดังนั้น เรื่องของอัตราดอกเบี้ยและราคาต่างๆ ธนาคารฯ จะดูแลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่สุด เป็นอัตราที่แข่งขันได้กับตลาด

สำหรับเป้าหมายของโครงการ U-Drive ธนาคารฯ ยังเดินหน้าขยายบริการต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนกลุ่มลูกค้าในหลายๆ ช่วงของซัพพลายเชนรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

โดยตลาด EV ในประเทศไทย ถือเป็นเบอร์ 1 เมื่อเทียบกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้งหมด ด้วยส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ที่สูงถึง 60% รองลงมาคืออินโดนีเซีย 20% จะเห็นว่าส่วนต่างระหว่างเบอร์ 1 และ 2 ค่อนข้างต่างกันพอสมควร

“เรามองว่า 3-5 ปีข้างหน้า เราจะเห็นสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นๆ เรื่อยๆ และถ้ามองนโยบายของรัฐบาลปี 2030 หรืออีกประมาณ 7 ปีข้างหน้า รัฐบาลมองว่า 30% จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมาก เวลาที่เรามองไปบนท้องถนน เราอาจจะเห็นรถไฟฟ้ามากกว่ารถสันดาปแล้ว”