Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

“คุณค่าในตัวเอง ถ้าเราไม่มี โลกข้างนอกจะมีผลต่อเรามหาศาล…”

ประเดิมรายการ  AIM NIGHT อีพีแรก ทางช่องยูทูป TODAY Bizview เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 กับ เอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ เจ้าของนามปากกา ‘นิ้วกลม’ นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง ในวัย 45 ปี ที่มาพูดคุยอย่างเป็นกันเอง เกี่ยวกับมุมมองในชีวิต โดยเฉพาะ หา-เจอ-สร้าง “คุณค่าในตัวเอง” ซึ่งจะอยู่ใน ทอล์กโชว์ ครั้งที่ 4 ในชีวิตของเอ๋-สราวุธ กับ นิ้วกลมนั่งเล่า #ประภาคารกลางมหาสมุทร ซึ่งกำลังจะเปิดการแสดง 3 รอบ ในวันที่ 17-18 สิงหาคมนี้ 

เข้าใจความหมายของ “ประภาคารกลางมหาสมุทร”

เอ๋-สราวุธ เล่าถึงชื่อของทอล์กโชว์นิ้วกลมนั่งเล่า ปี 2024 ว่า ประภาคารกลางมหาสมุทร มาจากการมองโลกทุกวันนี้ มันมีโจทย์ใหญ่ที่เราทุกคนกำลังเผชิญอยู่พร้อมกัน ถ้านับเฉพาะตั้งแต่เราเกิดมา เราเชื่อว่าไม่มียุคสมัยไหนที่โลกมันปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้มาก่อน ซึ่งถ้าเรายืดไทม์ไลน์ออกไปให้ไกลมากขึ้นอีก ก็มีคนพูดจำนวนมากว่าตั้งแต่โลกใบนี้มีมนุษย์มา มนุษย์ก็ไม่เคยอยู่ช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นช่วงเวลานี้มันท้าทายเรามาก

การเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้ เป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ถ้าลองเปรียบเทียบว่าเราอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรนี้ด้วยกัน ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร อยู่ในอุตสาหกรรมอะไร จะเรียนอะไร จะอยู่ในช่วงวัยไหน ล้วนกำลังเผชิญกับคลื่น มรสุมนี้อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น เริ่มด้วยเทคโนโลยี ความคิดความเชื่อ ความขัดแย้งที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้น สงคราม เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โรคระบาด สิ่งแวดล้อม

“โอ้โหทุกวันนี้คลื่นมันหลายลูกมาก ก็คิดว่าเราอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรนี้แหละ ทีนี้เราอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่มันปั่นป่วนขนาดนี้ ไปยังไงหว่า? ทุกคนก็คงเจอความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติใช่ปะ เราทำงานมันก็มีความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก เรียนอยู่ก็รู้ว่าจบมาแล้วจะได้ไปทำงานแบบที่เรียนไหม ความรู้มันจะล้าสมัยเร็วแค่ไหน อะไรอย่างนี้ รับมือยังไง คิดว่ามันมีหลักการอะไรหรือเปล่า ที่มันพอจะเป็นคล้ายๆ ประภาคาร ที่มันส่องแสงสว่างมา แล้วทำให้เราเห็นว่าตราบใดที่เรายังมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางนั้น มันน่าจะเป็นการใช้ชีวิตที่มีความหมาย ที่มีคุณค่า และอย่างน้อยเราไม่หลงทาง ซึ่งสิ่งนั้นมันจะไม่ใช่คำตอบสำเร็จรูป แต่มันจะเป็นคำตอบที่เป็นคุณค่าบางอย่างที่พอเราจับฉวยเอาไว้ได้ เราก็จะมีทิศทางในการใช้ชีวิต”

เพราะเราต้องสั่นคลอนไปกับความเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว เราก็ต้องปรับตัวด้วย แต่ว่าสิ่งที่เรายึดถือในใจ ถ้าเรายังมีหลักการเหล่านี้อยู่ หลักการที่ว่าเราทำงานอยู่เพื่ออะไร เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร แล้วจริงๆ คุณค่าของเรามันเชื่อมโยงกับอะไรอีกบ้าง สิ่งเหล่านี้มันน่าหาคำตอบ เพราะจริงๆ คำตอบที่ลึกซึ้งที่สุด คือเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เราเกิดมาทำไม ซึ่งแต่ละคนตอบไม่เหมือนกันแต่แก่นแกนที่เป็นหลักการมันชวนกันคิดได้ เราฟังแล้ว “คำตอบ” อาจไป “สะกิดใจ” บางส่วนหรือไป “สะกิดคำตอบ” ของเราเองออกมาก็ได้

จากหนังสือของ ‘นิ้วกลม’ สู่ ‘ทอล์กโชว์’  ที่ไม่ได้มีแค่ ‘พูด’

ตั้งแต่สมัยเรียนสถาปัตย์ ที่จุฬา เอ๋ สราวุธ บอกว่า เขามักไปเข้าห้องสมุด ที่หอกลาง ซึ่งหนังสือหมวดหนึ่งที่ชอบไปหยิบมาอ่าน คือ หนังสือของคณะนิเทศฯ เลยค่อยๆ ค้นพบตัวเองว่า มีความรู้สึกว่าชอบการสื่อสาร ซึ่งง่ายที่สุดสำหรับเราคือ การเขียนหนังสือ เพราะมันยุ่งเกี่ยวกับคนน้อย ควบคุมอะไรได้ง่าย แต่ความฝันใหญ่สุดคืออยากกำกับหนัง เพราะหนังเป็นการรวมเอาศิลปะแขนงต่างๆ มามัดเข้าด้วยกันเพื่อสื่อสารทั้งเนื้อหาและอารมณ์สู่คนดู

ทอล์กโชว์ เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะด้วยความที่ทำงานบรรยายเยอะและสิ่งที่ท้าทายคือทำอย่างไรคนฟังจะไม่หลับเราไม่ใช่คนสนุก ตลก แต่ก็เป็นคนขี้เล่น เราได้เทคนิคและทักษะจากการบรรยายมาว่าพอมีมุกแล้วคนก็ไม่หลับ แต่สิ่งที่อยากให้ไม่ใช่ความบันเทิง เนื้อหาสาระนั่นแหละแต่มันต้องเคลือบด้วยอะไรบางอย่างที่สนุก ทอล์กโชว์ที่ไม่ใช่แค่พูด มีดีไซน์ ฉากที่ผ่านการคิดถึงสัญลักษณ์ เพื่อสื่อสาร แสงและเสียงเพื่อสร้างอารมณ์ ดังนั้นทอล์คโชว์ครั้งนี้ จะมีทั้งการพูด แสดง และศิลปะ เข้าด้วยกันมีเพลงและแขกรับเชิญ เหมือนได้ดูหนัง

เอ๋ สราวุธ เป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้ครีเอทีฟในการทำงานและได้รับการยอมรับในวงกว้าง แต่ทว่าเขาเองก็เหมือนกับทุกคนที่ต้องผ่านช่วงเวลาเพื่อปรับสมดุลชีวิต

“มันก็มีช่วงเวลาที่โหด ขยันเกินไป มุ่งมั่นตั้งใจกับมัน รีดเค้นตัวเองมากเกินไป แต่ช่วงนี้ปรับและค่อนข้างสมดุลมากขึ้น ชีวิตผ่านมาเป็นช่วงๆ ปีนี้เป็นปีที่นามปากกา ‘นิ้วกลม’ ครบ 20 ปี เพราะฉะนั้นผ่านการทำงานควบคู่กับงานอื่นมา ก็ทำงานเขียนด้วยงานโฆษณาด้วย ในวัย 20 กว่า เราก็คาดหวังกับทุกสิ่งให้ “เริ่ดที่สุด” มองเห็นตัวเองจะทำอย่างไรเราถึงจะเจ๋งที่สุดในงานที่เราทำ ทำงานโฆษณาก็อยากจะชนะรางวัลใหญ่ระดับโลก งานเขียนก็อยากจะทำให้มันดี คนรู้จัก ให้คนเขาอยากจะซื้อหนังสือเราไปอ่าน เป็นช่วงเวลาที่ทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด ซึ่งมันอาจจะใช้พลังงานของตัวเองสูง ทุ่มตัวเองจนอาจจะละเลยมิติอื่น เช่น การพักผ่อน การใช้เวลากับครอบครัว กับเพื่อน

เขายังเล่าถึงมรสุมของช่วงวัยที่ผ่านมาว่า ก่อนอายุ 40 ปี ช่วงอายุ 38-39 ปี รู้สึกกับงานการของตัวเองว่า มันเต็ม มันไปต่อไม่ได้ ซึ่งเป็นความรู้สึกต่อตัวเอง เขียนหนังสือกว่า 30 เล่ม เป็นพิธีกรและออกจากงานโฆษณาแล้ว ตอนนั้นมีความงงเหมือนกันว่าจะไปอย่างไร แต่สุดท้ายมันก็คลี่คลายออกมาว่า มันก็จะเป็นท่าทีของการผ่อนคลายกับตัวเองมากขึ้น

ชีวิตในช่วงครึ่งแรก คือการแสวงหาที่ยืนของตัวเองว่าตกลงแล้วฉันเป็นใคร  เหมาะกับอะไร ฉันจะสะสมอะไรให้ตัวฉันมีความรู้สึกมั่นคงมากขึ้นบ้าง ทีนี้พอไปถึงจุดหนึ่งที่เห็น “ที่ยืนของตัวเอง” แล้วและอาจจะมีความมั่นคงในระดับหนึ่ง ก็เป็นสเต็ปขั้นต่อไป พอมันผ่านช่วงเวลานั้นก็เลยรู้สึกคลายมากขึ้น

“ไม่ใช่แสวงหาอะไรเท่าเดิมแล้ว แทนที่จะไปข้างหน้า มันต้องไปข้างในแทน นี่คือสิ่งที่ค้นพบ ชีวิตมันก็สอนเรา”

ช่วงเราเด็ก วัยรุ่น หนุ่มสาว ก็จะมีความรู้สึกว่าชีวิตผูกโยงโลกข้างนอกเยอะ การที่เราจะสามารถโอบโลกข้างนอกเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเราได้มาก น่าจะทำเรามีชีวิตที่ดีหรือมีความสุขได้ เราก็พยายามโอบแล้วโอบอีก ทั้งความเก่งกาจ รายได้ ชื่อเสียง แต่มันเหมือนจะไม่รู้จบ ทีนี้เอ้า! แล้วมันอยู่ที่ไหน มันต้องกลับด้าน ความรู้สึกมั่นคง ความรู้สึกว่าโอเค มันต้องทำงานกับตัวเองไม่ใช่เสียงปรบมือจากคนข้างนอก เพราะคุณจะต้องการเสียงปรบมือไม่รู้จบ

ชมคลิปสัมภาษณ์เต็ม ‘เอ๋-สราวุธ’ เจ้าของนามปากกา ‘นิ้วกลม’ ได้ที่นี่ 

‘เอ๋ สราวุธ’ ชวนค้นหาแสงสว่างจากประภาคาร ที่นำพาเราไปสู่จุดหมาย ร่วมหาคำตอบใน ‘นิ้วกลมนั่งเล่า’ วันที่ 17 – 18 สิงหาคมนี้

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า