SHARE

คัดลอกแล้ว

คุณในวัย 22 ปีใช้ชีวิตยังไง? ถอด 7 บทเรียนจากสปีช ‘Taylor Swift’

หลายสัปดาห์ก่อน Taylor Swift นักร้องขวัญใจของใครหลายๆ คน เป็นตัวแทนนักศึกษา ขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์ หลังเรียนจบปริญญากิตติมศักดิ์ระดับปริญญาเอก จากสาขา Fine Arts ที่ New York University (NYU)

หัวข้อที่เธอพูดถึงคือความเจ็บปวด ความสุข ประสบการณ์ และการมีชีวิตช่วงวัยรุ่น ซึ่งสรุปออกมาได้เป็น 7 บทเรียนชีวิต ดังนี้

[บทเรียนที่ 1 : ความสำเร็จของเราเป็นส่วนผสมของผู้คนรอบๆ ตัว]

Taylor เริ่มต้นสุนทรพจน์ของเธอด้วยคำขอบคุณทุกคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ เธอพูดกับบัณฑิตที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ ด้วยความตั้งใจไม่แพ้กันว่า

“ไม่มีใครในที่นี้ที่จะทำมันสำเร็จด้วยตัวคนเดียว เราต่างเป็นผ้าห่มผืนหนาที่ถูกเย็บขึ้นจากเส้นใยของคนที่รักเรา คนที่เชื่อมั่นในอนาคตเรา คนที่เห็นอกเห็นใจและมีความเมตตา หรือแม้แต่คนที่กล้าจะบอกความจริงในเวลาที่ยากจะยอมรับ คนที่บอกเราว่า ‘เธอทำได้’ แม้แต่ในเวลาที่ไม่เห็นแม้แต่ปลายทาง”

[บทเรียนที่ 2 : ชีวิตไม่ได้ทุกอย่างตามที่หวังไว้]

ในฐานะ Pop-Star ของโลก บางคนอาจจะเคยคิดว่า Taylor Swift คงมีชีวิตที่ยิ่งกว่าสมบูรณ์แบบ แต่เธอก็ออกมาปฏิเสธและเล่าความเจ็บปวดในช่วงวัยรุ่นของตัวเองหลายต่อหลายครั้ง เธอเล่าว่า ตัวเองไม่ได้ใช้ชีวิตวัยมัธยม และมหา’ลัยแบบคนทั่วไป เนื้อหาใน MV Love Story จึงถ่ายทอดออกมาจากภาพชีวิตมหาลัยในฝันของเธอ เธอพูดกับบัณฑิต NYU ว่า

“ได้เจอหนุ่มหล่อนั่งอ่านหนังสือบนพื้นหญ้า และเพียงแค่ได้สบตากันก็รักกันราวกับผูกพันตั้งแต่ชาติปางก่อน มันคงเป็นประสบการณ์ทุกคนเคยเจอซักครั้งในชีวิตมหาวิทยาลัยตลอด 4 ปีใช่ไหม?”

“แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์ชีวิตมหา’ลัยเหมือนพวกคุณ เพราะคุณก็เข้ามาเรียนช่วงโควิด-19 ต้องอยู่แต่ในหอพัก และเรียนผ่านแอพฯ Zoom นักศึกษาที่เรียนช่วงปกติจะเครียดกับคะแนนสอบ แต่คุณต้องมาเครียดกับการตรวจโควิด-19 อีกเป็นพันๆ ครั้ง”

“ฉันคิดว่าคุณก็คงต้องการชีวิตมหา’ลัยแบบปกติ แต่ทั้งคุณและฉันก็ได้เรียนรู้จากสถานการณ์เหล่านี้ว่า เราจะไม่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ เหมือนเลือกของในเมนูแล้วให้มันส่งตรงมาถึงหน้าบ้านคุณ”

[บทเรียนที่ 3 :เรียนรู้ที่จะเก็บบางสิ่ง และปล่อยบางอย่าง]

Taylor พูดบนเวทีว่าความจริงแล้วเธอมีกฎสำคัญคือไม่ให้คำแนะนำกับใครที่ไม่ร้องขอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธออยากบอกกับเพื่อนร่วมมหา’ลัยทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เธอผ่านช่วงเวลาเลวร้าย และเดินทางมาถึงจุดนี้ได้คือการรู้ว่าถึงเวลาไหนควรทิ้งบางอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ไปต่อ

Taylor พูดบนเวทีว่า “ชีวิตมันหนักหน่วง โดยเฉพาะเมื่อคุณพยายามจะแบกรับทุกสิ่งเอาไว้ในคราวเดียวกัน ส่วนหนึ่งของการเติบโตและก้าวไปสู่บทใหม่ในชีวิตคือการเรียนรู้ที่จะจับ และปล่อย”

“จงตัดสินใจว่าอะไรที่คุณจะเก็บไว้ และวางมันลง หลายครั้ง สิ่งดีๆ ในตัวคุณมันเปล่งประกายอยู่แล้ว การปล่อยบางสิ่งทำให้มันมีที่ว่างสำหรับความสว่างไสวเพิ่ม ความสัมพันธ์แย่ๆ เพียงครั้งเดียวอาจพรากความสุขที่แสนวิเศษและเรียบง่ายไปจากคุณ ดังนั้นคุณต้องเลือกว่าชีวิตจะมีเวลาและที่ว่างให้กับอะไร จงมองมัน”

[บทเรียนที่ 4 : ยอมรับความอับอาย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของเรา]

Taylor บอกว่าอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่อยากจะบอกกับทุกคนคือ ต้องเรียนรู้และยอมรับที่จะอยู่กับอดีตของตัวเอง เธอบอกว่า

“จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับความอับอาย ต่อคุณจะอยากหลีกเลี่ยงมันขนาดไหน แต่ถ้ามองย้อนกลับไป มันก็จะเป็นส่วนหนึ่งของคุณอยู่ดี ความรู้สึกอับอายเป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”

“ฉันกล้าพูดเลย การกระทำบางอย่างหรือเสื้อผ้าที่คุณสวมในวันนี้ ถ้ามองย้อนกลับมาคุณจะคิดว่ามันโคตรน่าเกลียดแล้วก็ตลก คุณหนีมันไม่ได้ ดังนั้นอย่าพยายาม”

[บทเรียนที่ 5 : ความพยายามไม่ใช่เรื่องน่าขัน]

เชื่อว่าหลายคนอาจจะมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน ไม่กล้าแสดงออกถึงความต้องการ ความทะเยอทะยาน เพราะกลัวสายตาคนอื่นที่มองมา หากผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่หวัง

Taylor บอกว่าเธอสนับสนุนให้แสดงความพยายามของตัวเองออกมาให้เต็มที่ “ฉันสนับสนุนให้คุณแสดงทุกความต้องการของคุณออกมา หลายคนอาจจะคิดว่า การกระตือรือร้นเพื่ออะไรซักอย่างเป็นเรื่องน่าอัปยศในวัฒนธรรมของเรา เราจะดูไม่เท่ถ้าแสดงออกมาตรงๆ ว่าฉันต้องการสิ่งนี้และฉันพยายามอยากหนักเพื่อให้ได้มัน แต่ไม่รู้สิ ฉันก็เป็นมาหลายอย่างนะ แต่ก็ไม่เคยเชี่ยวชาญเรื่องความเท่เลย”

“แต่สุดท้าย ฉันก็มายืนอยู่ตรงนี้ และทุกคนก็ได้ฟังฉันพูดคำว่า “อย่าอายที่จะพยายาม” ความง่ายดายก็มีแต่ในนิยายเท่านั้นแหล่ะ”

[บทเรียนที่ 6 : ความผิดพลาดคือส่วนหนึ่งของการเติบโต]

Taylor เปิดหัวข้อนี้ด้วยการเล่าชีวิตตัวเองเมื่อต้องเติบโตท่ามกลางการถูกจับตาจากสาธารณะ “ฉันเติบโตมาเป็นวัยรุ่นด้วยการถูกคาดหวังว่า ‘ถ้าเธอทำตัวดี เด็กๆ ในสหรัฐฯ ก็จะเติบโตมาเป็นนางฟ้า’ แต่ถ้าฉันทำพลาด โลกจะหลุดออกมาจากแกนของมัน และสลายกลายเป็นผุยผง ซึ่งทุกอย่างจะกลายเป็นความผิดของฉัน”

Taylor บอกว่า ต้นตอของความคิดแบบนี้คือ ‘ความผิดพลาด = ความล้มเหลว’ และท้ายที่สุด มันจะนำมาสู่การสูญเสียความสุขหรือคุณค่าในชีวิต

แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ เธอบอกว่า “ประสบการณ์ที่ผิดพลาดของฉันจะนำไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต”

[บทเรียนที่ 7 : เราอาจสูญเสียบางสิ่ง แต่เราจะได้บางอย่างคืนมาเช่นกัน]

เราทุกคนล้วนเคยโดนปฏิเสธ เคยผิดหวังจากความฝันที่เปรียบเหมือนโลกทั้งใบ Taylor เองก็เคยมีประสบการณ์แสนเจ็บปวดแบบนี้เหมือนกัน แต่เธอเลือกที่จะมองหาข้อดีในสถานการณ์ที่เลวร้าย

เธอบอกในการกล่าวสุนทรพจน์ว่า “การที่โลกปฏิบัติต่อชีวิตรักของฉันเหมือนกำลังดูเกมกีฬา ที่มีฉันเป็นผู้พ่ายแพ้ตลอด มันไม่ใช่การออกเดทที่ดีเลยสำหรับวัยรุ่นที่มีอายุ 20 กว่าๆ แต่มันสอนให้ฉันสู้สุดชีวิตเพื่อปกป้องชีวิตส่วนตัวของตัวเอง”

Taylor พูดต่อว่ามันอาจจะฟังดูเหมือนคนมองโลกในแง่ดี แต่เธอเองก็มีสิ่งที่สูญเสียไปไม่ใช่น้อย เธอรู้สึกกดดันที่ต้องใช้ชีวิตผ่านเลนส์แห่งความสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งเหล่านี้มันสอนบางอย่างกับเธอ บางอย่างที่เธอเลือกหยิบมาพูดให้เหล่าบัณฑิตใหม่ได้ฟัง

“ในชีวิตของคุณ คุณจะพูดผิดอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ไว้ใจคนผิด แสดงออกน้อยเกินไป เผลอทำร้ายคนที่ไม่ควรโดน คิดมาก หรือบางทีก็ไม่คิดอะไรเลย ทำร้ายตัวเอง ทำลายช่วงเวลาดีๆ ไม่ยอมทำเรื่องผิดพลาด แต่บางครั้งก็ไม่คิดจะแก้ไขมันให้ถูกต้อง รู้สึกผิดและปล่อยมันกัดกินคุณ พาชีวิตลงไปสู่จุดที่ตกต่ำที่สุด แต่ในที่สุดก็จัดการความเจ็บปวดได้ พยายามใหม่เพื่อให้ดีขึ้น สะสางเรื่องราว แล้วก็ทำให้มันยุ่งเหยิงใหม่”

“ที่ฉันพยายามจะบอกคือ ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น มันไม่ได้มีแต่มุมที่สูญเสีย หลายๆ ครั้ง เมื่อบางสิ่งไปจากเรา เราจะได้อะไรกลับมาเสมอ”

ก่อนการกล่าวสุนทรพจน์จบลง เธอพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “พวกเราถูกนำทางด้วยสัญชาตญาณ จิตวิญญาณ ความปรารถนาและความหวาดกลัว รอยแผลเป็นและความฝัน คุณคงเผลอทำมันพังในบางครั้ง ฉันก็เหมือนกัน”

“เรื่องยากๆ จะเกิดขึ้นกับเรา แต่เราจะผ่านมันไปได้ เราจะได้เรียนรู้จากมัน เราจะเติบโตขึ้นและปรับตัวเก่งขึ้นเพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรา”

ฟัง Podcast เรื่องนี้เต็มๆ ได้ที่ TOMORROW โดย พัทร ภาณุนันทน์ ชวนถอด 7 บทเรียนชีวิต ผ่านสปีชของ Taylor Swift ที่ขึ้นพูดในงานจบการศึกษาปริญญากิตติมศักดิ์ระดับปริญญาเอก ที่ New York University (NYU)

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า