ทีเส็บ ดัน ‘Festival Economy’ นำเทศกาลฟื้นเศรษฐกิจ เตรียมปั้นเพชรบุรีสู่เมืองเกลือระดับโลก

ทีเส็บ ผลักดันนโยบาย ‘Festival Economy’ นำเทศกาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับเมืองและชุมชนผ่านการจัดงานเทศกาล พร้อมร่วม TIEFA เตรียมปั้นเทศกาล “เกลือ-เมือง-เพชร” Diamond of The Salt Festival 2021 เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรีสู่เมืองเกลือระดับโลก

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่าทีเส็บได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาและสร้างมรดกทางเศรษฐกิจด้วยงานเทศกาล (Festival Economy) ให้กับเมืองและชุมชน โดยเน้นการใช้อัตลักษณ์ของเมืองนั้นๆ ในการออกแบบกิจกรรม ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือดึงดูดกลุ่มนักเดินทางคุณภาพ ที่เป็นกลุ่มคนที่เน้นการเดินทางเพื่อแสวงหาประสบการณ์รูปแบบใหม่ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง มาช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองผ่านการจัดงานเทศกาลได้

พร้อมกันนี้ จิรุตถ์ เชื่อมั่นว่า นโยบาย Festival Economy จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างเศรษฐกิจ กระจายรายได้ กระจายความเจริญ ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพของเมือง พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาบุคลากรภายในพื้นที่ จึงก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างรอบด้านและยั่งยืน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)

“รูปแบบการจัดเรายังต้องทำทั้ง 2 แนวทางคือ ทั้งการนำงานจากต่างประเทศเข้ามาจัด เช่น L’Etape Thailand by Tour De France รายการการแข่งขันปั่นจักรยานระดับโลก, การแข่งขันวิ่งวิบากระดับโลก “สปาร์ตัน เรซ” (Spartan Race) ที่เคยได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และอีกส่วนคือการสร้างอัตลักษณ์ในเมือง ก็คือต้องไปค้นหา DNA แต่ละเมืองว่าที่ไหนมียังไง ที่จะสามารถสร้างให้มันเป็นเทศกาลได้ เช่น ต่างประเทศสร้างเทศกาลทูมอร์โรว์แลนด์ ในเมืองเล็ก ๆ มีประชากรหมื่นกว่าคน แต่จะเขาขับเคลื่อนคนมาร่วมงานได้ 2 แสนกว่าคน และสร้างรายได้กระจายไปได้มาก เราก็เลยจะเอา Festival มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพื้นที่ทั่วประเทศด้วย” จิรุตถ์ กล่าว

นอกจากนี้ ทีเส็บให้ความสำคัญและตั้งเป้าผลักดันนโยบาย Festival Economy เป็นกลยุทธ์สำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เมืองและชุมชนจับมือกับเครือข่ายสมาคมฯ ที่มีความเชี่ยวชาญ 5 สมาคมหลัก คือ สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย (TIEFA), สมาคมการค้าผู้จัดงานกีฬามวลชนไทย (TMPSA), สมาคมเครือข่ายผู้สร้างสรรค์วิชาชีพสื่อบันเทิงไทย (TECNA), สมาคมการค้าส่งเสริมอุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (CAPT) และสมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) ในการร่วมออกแบบและสร้างงานเทศกาลที่เหมาะสมให้กับเมือง และพัฒนาต่อยอดจนเกิดเป็น “หนึ่งเมือง หนึ่งสิทธิบัตรงานเทศกาลนานาชาติ (1 City 1 Licensed Event)” ภายใน 5 ปี เพื่อเพิ่มมูลค่า ยกระดับ และส่งออกงานเทศกาลที่เกิดจากสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ของเมืองให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยมีเป้าหมายในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งเสริมให้เมืองเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานเทศกาล และการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

“ผมมองว่าไทยมีโอกาสดีมากเลย ที่อื่นเขาทำได้เราก็ต้องทำให้ได้ เราตั้งเป้าว่าถ้าใน 10 ปี มีการจัดเทศกาลนานาชาติขึ้นมา จนต่างชาติต้องมาซื้อสิทธิบัตรจากเรา ก็จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เยอะเลยครับ เพราะเราไม่ได้ทำงานเฉพาะกับสมาคมฯ แต่เราทำงานกับพื้นที่กับภาคชุมชน เพราะลักษณะที่จัดเป็นเทศกาล มันต้องเกิดจากอัตลักษณ์ในท้องถิ่นด้วย เราได้ร่วมกับ TIEFA จัดการพัฒนาเมืองเพชรบุรี หลังจากไปค้นพบว่ามีการทำประติมากรรมจากเกลือ ปกติคนในท้องถิ่นจัดกันเองไม่ค่อยมีใครดู แต่เรามองว่าอันนี้มันเป็นอัตลักษณ์ของเขา และเมืองที่เพชรบุรีก็มีอาหารเก่าๆ เยอะ และมีดนตรีด้วย เราก็เลยมองไปว่าตลอดเส้นทางเพชรบุรี – หัวหิน น่าจะมีโอกาสเป็นเทศกาล จึงไปร่วมกับทางจังหวัดเพชรบุรี หลังจากนั้นเมื่อสามารถขับเคลื่อนคนได้มากขึ้น ก็จะสามารถสร้างเศรษฐกิจให้คนในพื้นที่ได้เยอะขึ้นด้วย”  จิรุตถ์ กล่าว

ทั้งนี้ ทีเส็บ และสมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย หรือ TIEFA ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือจำนวน 2 ฉบับ เพื่อขับเคลื่อนการสร้างเศรษฐกิจด้วยงานเทศกาลในพื้นที่นำร่อง คือ 1. การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการออกแบบงานเทศกาลและพัฒนาเมืองผ่านการจัดงานเทศกาล ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี เพื่อผลักดันและยกระดับงานเทศกาลในจังหวัดเพชรบุรี และส่งเสริมการกระจายรายได้ สร้างเศรษฐกิจในจังหวัดผ่านการจัดงานเทศกาล (Festival Economy) อย่างยั่งยืน

และ 2. การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสร้างงานเทศกาลเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของย่านราชประสงค์ ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ เพื่อส่งเสริมและยกระดับการจัดงานเทศกาลในย่านราชประสงค์ เพื่อสร้างผลเชิงบวกทางเศรษฐกิจ สังคม (Economic and Social Impact) ในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร