“ความเข้าใจผู้บริโภค” บวก “การทำงานเป็นทีมสุดพลัง” สูตรสำเร็จที่กลมกล่อมของ “โสมพลัสซุปเปอร์”

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2559 เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นเครื่องดื่มให้พลังงานผสมสมุนไพร ‘โสมพลัส’ ของเจ้าตลาดเครื่องดื่มให้พลังงาน กลุ่มธุรกิจ TCP วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกและกวาดรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 200% ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับการคว้า จินตหรา พูนลาภ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อเจาะตลาดแมสเมื่อปีที่แล้ว

มาวันนี้โสมพลัสแตกไลน์โปรดักต์มาเป็น ‘โสมพลัส ซุปเปอร์’ เครื่องดื่มให้พลังงานผสมสมุนไพรถึง 3 ชนิด โสม กระชายดำ และเห็ดหลินจือ เจ้าแรกของตลาด ที่พร้อมมาเขย่าตลาดอีกครั้งในปีนี้ workpointTODAY จะมาพูดคุยกับ กลุ่มทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์โสมพลัส ที่ยึดมั่นวัฒนธรรมการทำงานตามแบบฉบับของ กลุ่มธุรกิจ TCP ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำของโลกและประเทศไทย เช่น กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม เพียวริคุ และไฮ่! เพื่อผลักดันผลลัพธ์ออกมาให้สุดพลัง แบบที่ตัวเลขยอดขายไม่ใช่คำตอบเพียงอย่างเดียว

ตอบโจทย์ผู้บริโภค ด่านแรกที่ต้องฝ่า 

“สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องจริงใจกับผู้บริโภค เป้าหมายหลักของการทำงาน คือการคำนึงและคิดเสมอว่าสินค้าที่คิดค้นออกมา ต้องส่งเสริมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง”  คุณมงกุฎ ศิลาคะจิ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ กลุ่มธุรกิจ TCP พูดถึงจุดเริ่มต้นในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ กลุ่มธุรกิจ TCP ที่มีต้นกำเนิดจากแนวคิดที่ว่า คิดค้นออกมาอย่างจริงใจ มุ่งมั่นทำเพื่อผู้บริโภคเท่านั้น ‘โสมพลัส’ และ ‘โสมพลัส ซุปเปอร์’ จึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ด้วยรากฐานแนวคิดนี้ ต่อยอดมาสู่การวิจัยทางการตลาดเพื่อทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง คุณประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP เล่าถึงที่มาโสมพลัสว่า “เราเข้าใจผู้บริโภคว่ามองหาเครื่องดื่มให้พลังงานและบำรุงร่างกาย สมอง และสายตา ซึ่งมีส่วนสำคัญในการทำงาน และการใช้ชีวิตของผู้บริโภค  เพื่อตอบโจทย์ ผู้บริโภค  เราจึงเริ่มสรรหาสมุนไพรที่มีประโยชน์และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง คือโสมผสมน้ำผึ้ง  โสมเองถึงจะมีประโยขน์อย่างมาก แต่ก็มีจุดอ่อนโสมเรื่องกลิ่นที่ทำให้ดื่มยาก ทางฝ่าย วิจัยและพัฒนาสินค้า จึงพัฒนาสูตรให้มีส่วนผสมชั้นดีระหว่างโสมกับน้ำผึ้ง เพื่อให้ดื่มง่าย กลิ่นหอม และอร่อยมากขึ้น  กลับไปที่โจทย์ว่าเครื่องดื่มให้พลังงานที่บำรุงร่างกาย สมองและสายตาได้  จึงกลายมาเป็นโสมพลัส เครื่องดื่มโสม น้ำผึง้ที่มีส่วนผสมวิตามินเอสูง และบีสูง เพียงเจ้าแรกในประเทศไทย”

ด้านคุณปรันตป์ ธารณเจษฎา  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดช่องทางการค้า กลุ่มธุรกิจ TCP เล่าถึงการต่อยอดการคิดค้นผลิตภัณฑ์โสมพลัส ซุปเปอร์ที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานของผู้บริโภค คือ ที่หนึ่ง ว่า “กลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงานเป็นกลุ่มสินค้า นวัตกรรมอันดับแรกๆ ในบ้านเรา เพราะเสริมคุณประโยชน์มากกว่าเครื่องดื่มทั่วไป แต่สำหรับเมืองไทย ผู้บริโภคเริ่มมีความต้องการหลากหลายขึ้น คือเขามองเรื่องของคุณประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมและเทรนด์สุขภาพ เพราะฉะนั้นเครื่องดื่มประเภทโสม นอกจากได้พลังงานยังช่วยบำรุงร่างกายด้วย ช่วงโควิดนี้กระแสรักสุขภาพมีเพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้น โสมถือว่าเป็นเครื่องดื่มให้พลังงานผสมสมุนไพรที่เติบโตสูงที่สุดในตลาด เราจึงมองได้เรื่องทางเลือกทางด้านสุขภาพของเครื่องดื่มให้พลังงาน เราเลยพัฒนาโสมพลัส ซุปเปอร์อีกหนึ่งโปรดักต์ที่ตอบโจทย์ตลาดเช่นเดียวกัน”

หลายฝ่าย หลายทีม หลายความเห็น ด่านนี้ไม่ง่าย 

น้อยคนที่จะรู้ว่าเครื่องดื่มให้พลังงานข้อจำกัดเยอะมากในแง่ของกฎหมาย ดังนั้น การคิดผลิตภัณฑ์จะต้องทำการบ้านเยอะมาก ความเข้าใจผู้บริโภคอย่างเดียวไม่สามารถสร้างยอดขายและความนิยมได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งขั้นตอนในการทำงานตั้งแต่การคิดค้นจนถึงกระจายสินค้าต้องอาศัยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการผลักดันสินค้าเข้าสู่ตลาด ดังนั้น การร่วมมือเชิงรุกอย่างสุดพลังและมีเป้าหมายเดียวกันของทีมงานจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

กลุ่มธุรกิจ TCP มีวัฒนธรรมการทำงานที่เน้น Hyper-Collaboration หรือ การร่วมมืออย่างสุดพลัง ตั้งแต่ทีมพัฒนาสินค้า การตลาด ช่องทางการขาย ทีมกระจายสินค้า ที่ร่วมมือกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีการเตรียมตัวและวางแผนร่วมกัน
ทุกทีม ร่วมกันควบคุมปัจจัยต่างๆ ในการนำสินค้าเข้าห้าง ประสานงานกับฝ่ายขายในช่องทางการขายทั่วไป การผลักดันโสมพลัส ซุปเปอร์ให้เข้าไปในช่องทางการขายต่างๆ อีกทั้งยังมีการติดตามขั้นตอนในการนำเข้าร้านค้าต่างจังหวัดอย่างใกล้ชิด และกระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นการการันตีถึงประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันอย่างสุดพลังและการสนับสนุนอย่างดีจากทุกฝ่าย จนทำให้ โสมพลัส ซุปเปอร์เปิดตัวได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้

“การร่วมมือกันอย่างสุดพลัง ทำให้เรามองแบบมีเป้าหมายร่วมกัน เราตั้งไว้อยู่บนความต้องการผู้บริโภคและตอบสนองผู้บริโภคได้รวดเร็วและทันเหตุการณ์ โสมพลัส ซุปเปอร์จึงตั้งอยู่บนผลลัพธ์ร่วมกัน และเรื่องสำคัญนอกจากเป้าหมายเดียวกันคือ ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองต่อสิ่งที่เราเจอ ด้วยวัฒนธรรมการทำงานนี้ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองว่าไม่ได้มองสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหา แต่เป็นความท้าทาย เช่น เรื่องของสินค้าใหม่ เรามองเห็นความท้าท้ายว่าต้องเปิดตัว ด้วยความรวดเร็ว และให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้กว้างกว่าที่เคยอย่างไร” คุณปรันตป์กล่าวเพิ่มเติม

มาทีหลังแต่ดังไม่น้อย

คุณมงกุฎ บอกถึงตอนที่รู้ว่าโสมพลัส และ โสมพลัส ซุปเปอร์เป็นที่ยอมรับของตลาดว่า ต้องให้เครดิตทุกคนในทีม แต่สิ่งที่ควรจะทำในขั้นตอนต่อไปคือจะทำอย่างไรให้งานชิ้นอื่นๆ เกิดความสำเร็จซ้ำๆ กันได้ และทำอย่างไรให้งานทุกชิ้นสำเร็จเรื่อยๆ และนำความสำเร็จครั้งนี้ตั้งเป็นโมเดลเพื่อเรียนรู้ต่อไป

ด้านคุณปรันตป์ บอกว่า เราเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นไปได้ ตั้งแต่เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์จนออกสู่ตลาด เริ่มขาย และได้รับความสำเร็จต่างๆ รู้สึกดีใจและภูมิใจ ไม่ใช่ดีใจแค่เราคนเดียว แต่ดีใจที่เราเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ที่ได้ช่วยดำเนินงานตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง

คุณประไพภักตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราได้เรียนรู้จากทำงานเป็นทีมกับหลายฝ่ายมากมาย ถึงแม้ตัวเองจะมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะรู้ทุกอย่าง เราจะต้องพัฒนาต่อไปอีก และเราสามารถเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานของเราได้เสมอ”

สูตรลับสุดกลมกล่อมจากผู้นำ

หนึ่งในสูตรลับเบื้องหลังความสำเร็จของ “โสมพลัส” และ “โสมพลัส ซุปเปอร์” คือ กำลังใจที่มาจากผู้นำขององค์กร แม้จะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีพนักงานกว่า 5,000 คนทั้งกลุ่มธุรกิจทั่วไทย แต่ทีมงานที่พูดคุยกับ Workpoint Today ล้วนมีความรู้สึกเหมือนกันว่า นี่คือธุรกิจครอบครัวที่บริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความเกื้อกูลกันในบริษัทค่อนข้างสูง และต่างก็ได้แนวคิดจากคุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้นำรุ่นที่ 2 ขององค์กรมาใช้ในการทำงานแต่ละวันมากมาย

คุณประไพพักต์เรียนรู้จากแม่ทัพใหญ่ท่านนี้ว่า นอกจากความจริงใจในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคแล้ว ยังต้องจริงใจต่อสังคมด้วย เช่น การช่วยเหลือสังคมในยุคโควิด-19  รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนประเทศชาติ

“คุณสราวุฒิเคยพูดว่า ปัญหาเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่เราไม่ควรมองว่าคนใดคนหนึ่งเป็นต้นเหตุ แต่มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นแก้ได้   แต่ต้องช่วยกันแก้ไขร่วมกัน แล้วเดินต่อไป อีกทั้งยังสนับสนุนให้เรากล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ ถ้าผิดก็เรียนรู้สิ่งที่ผิดไปด้วยกัน เป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้พนักงานของเรา ทำงานในเชิง “รุกบวกสุดพลัง” ได้อย่างแท้จริง

คุณมงกุฎกล่าวเสริมว่า “เรื่องของข้อคิดสำคัญที่สุด ที่ผมนำมาปฏิบัติคือ ต้องจริงใจกับผู้บริโภค และยึดที่ผู้บริโภคเป็นหลัก ทุกสินค้าที่ออกมาคือต้องส่งเสริมและตอบโจทย์ผู้บริโภค นอกจากนี้ คุณสราวุฒิยังเป็นแบบอย่างที่ดีใน เรื่องความถ่อมตัว พนักงานทุกคนทุกตำแหน่ง สามารถเข้าถึงได้เลยโดยไม่มีกำแพงกั้นในการทำงาน ทำให้ทั้งองค์กรมีความรักและผูกพัน เลยทำให้มีความรู้สึกทำงานด้วยใจ ทุ่มสุดตัว เพราะเจ้านายเราเป็นแบบอย่างที่ดี

อีกสิ่งที่คุณสราวุฒิพูดถึงเสมอคือ เรื่องความเปลี่ยนแปลงรอบตัวเราที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เราจะปรับตัวอย่างไรให้เร็วและรับกับการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ อย่าไปยึดติดความสำเร็จในอดีต หากวันหนึ่งผู้คนเลิกดื่มเครื่องดื่มให้พลังงาน เราจะรับมือได้อย่างไรให้ตัวเองและองค์กรอยู่รอดได้ให้โตต่อเนื่อง โดยไม่ทิ้งเรื่องจริยธรรมและการตอบแทนสังคม”

คุณค่าที่มากกว่ายอดขาย

ทีมงานทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัวเลขเป็นสิ่งวัดความสำเร็จ แต่สิ่งที่มีคุณค่าและยั่งยืนกว่านั้น คือ คุณค่าทางจิตใจ ที่มาจากการทำงานร่วมกันและการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนโดยรวม สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภคชาวไทยและทั่วโลกด้วยผลิตภัณฑ์ดีๆ ช่วยดูแลพวกเขาในทุกช่วงเวลา อย่างคุ้มค่าทั้งในด้านราคาและคุณภาพ นี่คือความมุ่งมั่นและแนวทางการทำงานอย่างยั่งยืนของพวกเรา