SHARE

คัดลอกแล้ว

“สอนเด็กผิดไม่เป็นไร สอนเด็กผิดก็สอนใหม่ได้ หรือไม่ต้องสอนก็ได้ แต่ถ้าทำการเงินพัสดุผิด ติดคุกได้นะ”

สิ่งที่ซ่อนอยู่ระหว่างคำ ของความคิดเห็นลักษณะนี้ ตามความเห็นของ ธนวรรธน์ สุวรรณปาล หรือ ‘ครูทิว’ จากกลุ่มครูขอสอน มองว่าเป็นข้อสรุปหลากปัญหาของระบบราชการครู ที่กระทบถึงการศึกษาไทยแทบทั้งสิ้น 

ภาระอันหนักอึ้ง ในฐานะ ‘ครูบัญชี-พัสดุ’ ถูกตอกย้ำ ผ่านกรณีการจากไปของ ‘ครูมัท’ ข้าราชการครู ที่ต้องแบกภาระนอกเหนือจากการสอน จนนำไปสู่เหตุการณ์สะเทือนใจ สะท้อนให้เห็นถึงบาดแผลเรื้อรังของวิชาชีพครูไทย นั่นคือ ภาระงานนอกเหนือหน้าที่สอน ที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นวิกฤตที่กัดกินมายาวนาน

รายการ HEADLINE โดยสำนักข่าว TODAY ชวนพูดคุยกับ ‘ครูทิว’ ถึงรากเหง้าปัญหาในระบบราชการไทยที่ทำให้ครูต้องเผชิญกับสภาพเช่นนี้ และทางออกที่แท้จริงคืออะไร

[ปัญหาหนักใจงานการเงิน-พัสดุ ที่ไม่มีใครอยากทำ]

ครูทิว เริ่มต้นเล่าว่า ในระบบราชการไทยที่อยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ครู มากกว่า 95% ต้องทำงานเกิน 8 ชั่วโมงตามเวลาราชการ และมากกว่า 6 ชั่วโมง ใน 1 สัปดาห์ ต้องเผชิญภาระงานนอกเหนือการสอน

ปัญหาของโรงเรียนรัฐบาล คือ ‘มีแต่ครู’ ทำให้นอกจากการสอนแล้ว ครูต้องรับภาระงานอื่นๆ อย่าง กรณีของโรงเรียนในสังกัด สพฐ.  เพื่อให้โรงเรียนดำเนินไปต่อได้ ครูถูกแบ่งไปช่วยบริหารงาน 4 ฝ่าย ได้แก่

  1. ฝ่ายการเงิน และงบประมาณ 
  2. ฝ่ายบริหารงานบุคคล
  3. ฝ่ายวิชาการ 
  4. ฝ่ายงานบริหารทั่วไป เช่น อาคาร สถานที่ กิจการนักเรียน 

แม้ครูทุกฝ่ายต่างประสบปัญหาภาระงานนอกเหนือการสอน ที่กระทบต่อประสิทธิภาพในการสอน แต่ในความเห็นของครูทิว มองว่า มีปัญหาหนักที่สุด ยังคงเป็นงานฝ่ายการเงิน และพัสดุ ที่เกี่ยวพันกับทุกฝ่ายในโรงเรียน สร้างความทรมานต่อครูมากที่สุด 

อธิบายให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ตัวอย่าง ภาระงานที่สร้างความหนักใจให้ครูบัญชีคือ ต้องถือเงินต่างๆของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นเงินงบประมาณจากรัฐ หรือ เงินสนับสนุนจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการรายรับ-รายจ่าย เบิกเงินให้โครงการของโรงเรียน รวมถึง  จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น

เช่นเดียวกับ ภาระในส่วนครูพัสดุ ที่ต้องประเมินการจัดซื้อ จัดจ้าง ทำใบเสนอราคา และตามลายเซ็น

ครูทิว ให้ความเห็นว่า บริบทโรงเรียนไทยนั้นหลากหลาย ตั้งแต่ขนาดโรงเรียน ระดับชั้นของโรงเรียน อยู่ในกรุงเทพหรือ ต่างจังหวัด แม้แต่  โรงเรียนต่างจังหวัดที่อยู่ในเมือง กับ โรงเรียนต่างจังหวัดที่อยู่ต่างอำเภอ ก็มีข้อต่างกันออกไป แต่ทั้งหมดอยู่ใต้โครงสร้างเดียวกัน

“ทุกที่โครงสร้างเหมือนกันหมด แต่ว่าจำนวนบุคลากรไม่เท่ากัน ดังนั้นปัญหามีเหมือนกัน แต่ความหนักเบา หรือปัญหาที่เจอก็ต่างกันไป” 

จากประเด็นดังกล่าว ครูทิวได้ยกตัวอย่างโรงเรียนขนาดใหญ่ที่สังกัดอยู่ ว่ามีการแยกฝ่ายการเงินและพัสดุแบ่งหน้าที่กัน ทำให้ภาระและ ปัญหาถูกเฉลี่ยกันไป 

ต่างจากโรงเรียนขนาดเล็กอื่นๆ ภาระงานการเงินและ พัสดุ กองอยู่ที่ครูคนเดียวกัน ทำให้ต้องสอนและทำงานเอกสารพร้อมกัน จนประสิทธิภาพการสอนลดลง และนักเรียนถูกละเลย

ครูทิว ระบุเพิ่มเติมว่า แม้ในกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)  ปี 2563 จะมีการระบุอัตราของเจ้าหน้าที่ธุรการ แต่สุดท้ายก็ไม่มีการจัดสรรกำลัง เนื่องจากงบประมาณที่จำกัด ทำให้โรงเรียนมากกว่า 80% ยังคงเป็นครูที่ต้องรับผิดชอบหน้าที่เหล่านี้

นอกจากนี้ อีกปัญหาหนักใจของตำแหน่งครูการเงินคือปัญหาการทุจริต แม้รัฐพยายามสร้างกลไกป้องกันการทุจริต เช่น การตรวจสอบเอกสาร การตามลายเซ็น ยิ่งสร้างภาระให้ครู ต้องทำเอกสารให้ตรงตามระเบียบเพื่อให้ระบบสามารถตรวจสอบการทุจริตได้

ครูทิวได้ ยกกรณีร้องเรียนจากเพจครูขอสอนว่า  ครูการเงินจำนวนหนึ่งต้องคอยแก้เอกสาร หลังผู้อำนวยการ (ผอ.) ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ หรือ ต้องแก้ไขเอกสารให้ถูกต้องตามระเบียบ เพื่อให้ตรงสเป็กร้านค้าที่ผอ.ต้องการ 

แม้ครูการเงินและ พัสดุจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากการทุจริต แต่หากมีการตรวจสอบพบ ครูเหล่านี้ต้องรับผิด ต่างจากผู้บริหารที่เป็นลายเซ็นสุดท้าย มักลอยตัวไปในการรับผิดชอบ

“ครูการเงิน-พัสดุไม่ค่อยมีเอี่ยว มีเอี่ยวก็มี แต่ถึงไม่มีเอี่ยวก็ถูกบีบบังคับ แล้วไร้เสียง ไม่สามารถคัดค้าน คัดง้างกับผู้บริหารได้ บางครั้งถูกขู่ว่าจะกลั่นแกล้ง หรือมีผลกับการประเมินผลปฏิบัติงาน ความดี ความชอบ”

เช่นนี้เอง ทำให้ครูจำนวนหนึ่งไม่อยากทำงานการเงินและ พัสดุ จนภาระไปตกที่ครูผู้ช่วย หรือ ครูบรรจุใหม่ ที่ไม่สิทธิ์ มีเสียงพอจะปฏิเสธ จนต้องรับหน้าที่นี้แทน 

อย่างไรก็ดี  ถึงจะมีความพยายามในการร้องเรียนปัญหาเรื่องครูไม่มีความชำนาญเรื่องการเงินและ พัสดุแล้วก็ตาม แต่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ยังคงผลักปัญหาเหล่านี้ โดยการจัดการอบรมให้ครูแทน

[การกระจายอำนาจ คือ ทางออกของภาระครู?]

อีกหนึ่งผลกระทบสำคัญที่ส่งผลต่อปัญหาภาระงานนอกเหนือการสอนของครู คือ ระบบสังกัดของหน่วยงานที่ต่างกัน เช่น โรงเรียนสาธิต สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่มีการจ้างเจ้าหน้าที่ช่วยลดภาระงาน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอนของครู ต่างจากโรงเรียนสังกัดสพฐ. ที่ขาดอิสระ ต้องรอส่วนกลางจัดการ

นอกจากนี้เอง ครูทิวมองว่า ระบบราชการ พร้อมหน่วยงานข้างบนต่างๆ ไม่ได้สนับสนุน และสร้างความลำบากต่อครู ดังนั้นจำเป็นจะต้องปรับการบริหาร พร้อมลดส่วนเกินที่ไม่สำคัญกับผู้เรียนออก เพื่อลดภาระงานให้เบาขึ้น

อีกแนวทางการแก้ปัญหาที่น่าสนใจ ครูทิวเสนอว่า จะต้องเริ่มต้นจากการแก้ที่โครงสร้างผ่านการกระจายอำนาจไปยังองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น ให้อำนาจส่วนท้องถิ่นจัดการเงินและจ้างเจ้าหน้าที่ให้อยู่สำนักงานเทศบาล คอยเป็นส่วนกลางเข้าดูแลโรงเรียนในสังกัด โดยไม่ต้องรอส่วนกลางจัดสรร หรือ ย้ายโรงเรียนและครูเข้าสังกัดท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม ภาพการกระจายอำนาจในภาคการศึกษา ยังถูกขัดขวางจากอำนาจรวมศูนย์ ครูทิวชี้ว่า ไทยยังมีปัญหาเรื่องกลัวเสียอำนาจ ทำให้อปท.ขาดความคล่องตัวในการตัดสินใจ 

ต่างจากหลายที่ อย่างสหรัฐอเมริกาที่เขตพื้นที่การศึกษา แยกออกจากเทศบาลชัดเจน  ดูแลแค่การศึกษา และ มีการเลือกตั้งคณะกรรมการผู้บริหาร 

“ถ้าจะรื้อจริงๆ ต้องรื้อคู่ไปกับการปฏิรูปการเมือง พูดยากว่าเราจะรื้ออะไรก่อน จะปฏิรูปการศึกษาหรือปฏิรูปการเมือง ผมคิดว่ามันควรจะสู้ปฏิรูปไปพร้อมๆกัน” ครูทิว กล่าวทิ้งท้าย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า