นับตั้งแต่ปี 63 (ช่วงโควิดระบาด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ขอยื่นฟื้นฟูกิจการ หลังจากขาดทุนติดต่อกันหลายปีและมีหนี้สินจำนวนมาก นับตั้งแต่นั้นบริษัทก็ได้เข้าฟื้นฟูกิจการให้ธุรกิจได้ไปต่อ
สำหรับปี 66 ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ‘การบินไทย’ มีผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น บริษัทปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงยุบรวมกิจการสายการบินไทยสมายล์ ทำให้บริษัทกลับมาทำกำไรได้ในรอบหลายปี
[ สรุปรายได้-กำไรปี 66 ]
-
-
-
- มีรายได้รวม 161,067 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนหน้า 53%
- มีกำไรสุทธิ 28,123 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนหน้า +11,260%
- รายได้มาจากขายตั๋วโดยสาร 79.3%
- รายได้จากส่วนอื่นๆ อีก 20.7%
-
-
และบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ราวๆ 67,000 ล้านบาท คาดการณ์ในช่วงกลางปี 67 บริษัทจะยื่นไฟลิ่งกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มทุนต่อยอดธุรกิจและคาดสิ้นปีจะมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอีกด้วย
[ เตรียมจ่ายหนี้ปีละหมื่นล้าน ]
ปัจจุบันการบินไทยมีหนี้สินรวม 120,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะทยอยจ่ายคืนเจ้าหนี้ปีละ 10,000 ล้านบาทเป็นระยะเวลา 12 ปี โดยแบ่งออกสัดส่วนหนี้ออกเป็น
-
-
-
- หนี้หุ้นกู้ ราวๆ 72,000 ล้านบาท
- หนี้สถาบันการเงิน 30,000 ล้านบาท
- หนี้อื่นๆ 10,000-20,000 ล้านบาท
-
-
หนี้สินทั้งหมดได้รวมอัตราดอกเบี้ยเรียบร้อยแล้ว
[ เครื่องบิน 45 ลำ อาจจะซื้อด้วยเงินสด ]
หลังจากมีข่าวออกไปเรื่องการสั่งซื้อเครื่องบินเพิ่ม 45 ลำ บริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้การซื้อแบบใด อาทิ แบบเช่า-หรือแบบซื้อสด ซึ่งด้วยงบประมาณรายได้สามารถซื้อเครื่องบิน 45 ลำใหม่ด้วยกระแสเงินสดของบริษัทได้ และเครื่องบินใหม่จะทยอยนำเข้ามาในปี 70
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น บริษัทมีแผนจะซื้อเพิ่มอีก 35 ลำ ซึ่งจะใช้เวลาตัดสินใจในอีก 3 ปีข้างหน้า
[ ร่วมมือกับท่าอากาศยานลดเวลาต่อเครื่อง ]
การบินไทยร่วมมือกับท่าอากาศยานลดระยะเวลาต่อเครื่องจากเดิมที่ผู้โดยสารต้องต่อเครื่องเฉลี่ยอยู่ที่ 90 นาที จะปรับลงให้เหลือเพียง 60 นาที เพื่อดึงดูดผู้โดยสารเข้ามาต่อเครื่องในประเทศไทยมากขึ้นและใช้บริการการบินไทยมากขึ้น เพราะถ้าเทียบกับสายการบินระดับโลก บริษัทยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดต่ำ
ท้ายที่สุดแล้ว ‘ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์’ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ฝากบอกว่า “เราไม่ได้ใช้ภาษีประชาชน และรัฐบาลไม่เคยให้เงินเราในการฟื้นฟูกิจการ เราฟื้นได้เพราะพนักงานและองค์กร”