SHARE

คัดลอกแล้ว

จากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศ ส่งผลให้สถาบันการเงินต่างออกมาตรการช่วยลูกค้า ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การพักชำระเงินต้น การยกเว้นดอกเบี้ย ไปจนถึงการให้สินเชื่อใหม่ ฯลฯ

TODAY Bizview รวบรวมข้อมูลธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ได้ทั้งสิ้น 10 ธนาคาร ดังนี้

1. ธนาคารไทยพาณิชย์: ออกมาตรการช่วยลูกค้า SMEs ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยจากพายุโซนร้อนโนรู ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ต.ค. 2565

  • พักชำระเงินต้น (Grace Period) สูงสุดนาน 6 เดือน
  • พักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ไม่เกิน 3 เดือน
  • ยกเว้นการเรียกเก็บดอกเบี้ยผิดนัดชำระ (อัตราดอกเบี้ยปกติ) สำหรับการผิดนัดชำระไม่เกิน 30 วัน
  • เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20 %ของวงเงิน Working Capital เดิมและไม่เกิน 10 ล้านบาท
  • วงเงินกู้สำหรับปรับปรุง ซ่อมแซม หรือซื้อทดแทนทรัพย์สินของกิจการที่เสียหายสูงสุด 20% ของวงเงินรวมเดิม สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี

ในกรณีที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยจากพายุโซนร้อนโนรู ก็สามารถติดต่อไปยังธนาคารเพื่อพิจารณาได้เช่นกัน

2. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา: ออกมาตรการช่วยลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจรายย่อย ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พ.ย. 2565

  • สำหรับลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล – พักชำระเงินต้น สูงสุดนาน 6 เดือน
  • สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจรายย่อย

– พักชำระเงินต้น สูงสุดนาน 6 เดือน

– ลดค่างวดผ่อนชำระต่อเดือนสูงสุด 85% และผ่อนชำระได้สูงสุด 12 เดือน

  • สำหรับลูกค้า กรุงศรี ออโต้ ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อเพื่อคนมีรถ

– พักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุดนาน 3 เดือน

– ลดค่างวดและขยายเวลาการผ่อนชำระ

นอกจากนี้ ลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อธุรกิจกรุงศรีที่ถือครองกรมธรรม์ ดังต่อไปนี้ 1) ประกันอัคคีภัยสินเชื่อสำหรับบ้านอยู่อาศัยและธุรกิจ 2) ประกันกรุงศรี โฮม พร้อม และ 3) ประกันทรัพย์สิน อุ่นใจ

สามารถติดต่อแจ้งเคลมค่าสินไหมประกันภัยทรัพย์สินกรณีฉุกเฉินจากสถานการณ์น้ำท่วม ได้ที่สายด่วน AAGI 1292 ตลอด 24 ชั่วโมง

3. ธนาคารทหารไทยธนชาต: ออกมาตรการช่วยลูกค้าสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ก.ย. 2566

สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย

  • สินเชื่อบ้าน สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อสวัสดิการอเนกประสงค์ แบบไม่มีหลักทรัพย์คำประกัน

– ลดยอดผ่อนชำระเหลือ 70% นาน 3 เดือน หรือ

– ชำระเฉพาะดอกเบี้ย นาน 3 เดือน หรือ

– ชำระขั้นต่ำ 20% ของค่างวดผ่อน นาน 3 เดือน

  • บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด

– บัตรเครดิต ลดดอกเบี้ยเหลือ 12% พร้อมผ่อนชำระยอดค้างได้สูงสุด 84 เดือน

– บัตรกดเงินสด (Flash Card) ลดดอกเบี้ยเหลือ 22% พร้อมผ่อนชำระยอดค้างได้สูงสุด 84 เดือน

และสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธนาคารมีมาตรการรองรับเพิ่มเติม คือ พักชำระค่างวดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 3 เดือน

สำหรับลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ ทีทีบีไดรฟ์

  • สินเชื่อรถยนต์ใหม่ สินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว สินเชื่อรถแลกเงิน

– พักชำระค่างวดสูงสุด 2 เดือน (รวมงวดค้างชำระหากมี) หรือ

– ลดค่างวด หรือ ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ หรือมาตรการอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

– กรณีลูกค้าค้างชำระต้องไม่เกิน 60 วัน ณ วันที่ยื่นคำร้องโปรแกรมการให้ความช่วยเหลือ

  • สำหรับสินเชื่อรถแลกเงิน แบบอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (สินเชื่อเล่มแลกเงิน)

– พักชำระค่างวดสูงสุด 2 เดือน

– อัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 22% และลดค่างวดผ่อนชำระสูงสุด 70% ระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน

– กรณีลูกค้าค้างชำระต้องไม่เกิน 30 วัน ณ วันที่ยื่นคำร้องโปรแกรมการให้ความช่วยเหลือ

4. ธนาคารออมสิน:

  • มาตรการพักชำระหนี้ ให้ลูกหนี้สามารถพักชำระหนี้เงินต้น เลือกชำระเฉพาะดอกเบี้ย 10% – 100% และกรณี Flat Rate ลดการชำระเงินงวด 50% ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
  • มาตรการให้กู้เงินฉุกเฉินผ่านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ รายละไม่เกิน 50,000 บาท ไม่คิดดอกเบี้ยในปีแรก หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ยเพียง 0.85% ต่อเดือน (Flat Rate) ชำระเงินเป็นรายเดือน 3-5 ปี ปลอดชำระเงินงวด 3 เดือนแรก
  • สินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ เพื่อซ่อมแซมต่อเติมที่อยู่อาศัยส่วนที่เสียหายได้ถึง 100% ของราคาประเมิน ดอกเบี้ยปีที่ 1-3 = 3.49% (MRR-2.755%) และปีที่ 4 เป็นต้นไป = 4.99% ต่อปี (MRR-1.250%)
  • สินเชื่อบุคคลแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอเนกประสงค์ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 = 3.99% (MRR-2.255%) ปีที่ 2 = 4.99% (MRR-1.255%) ปีที่ 3 เป็นต้นไป = 5.745%
  • สินเชื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ วงเงินกู้สูงสุด 10% ของวงเงินกู้เดิมแต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.50% ปีที่ 2 เป็นต้นไป = MLR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยธนาคาร MRR = 6.245% และ MLR = 6.150% ต่อปี)

5. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.): ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค. 2565

  • มาตรการลดภาระหนี้เดิม สำหรับลูกค้าสถานะหนี้ปกติ

– การปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน ธนาคารจะพิจารณาขยายระยะเวลาการชำระหนี้พร้อมกำหนดชำระหนี้ใหม่ตามศักยภาพที่แท้จริง แต่ไม่เกิน 20 ปี

– จ่ายดอก ตัดต้น เมื่อลูกค้าส่งชำระหนี้ ธนาคารจะแบ่งภาระการตัดชำระหนี้ตามสัดส่วนต้นเงินและดอกเบี้ยของจำนวนเงินที่ลูกค้าส่งชำระ

– ชำระดีมีคืน กรณีลูกค้ามาชำระหนี้ถึงกำหนด จะได้รับการคืนดอกเบี้ย 20% ของดอกเบี้ยที่ชำระจริงไม่เกิน 2,000 บาทต่อราย เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระทางการเงินแก่ลูกค้า

  • มาตรการลดภาระหนี้เดิม สำหรับลูกค้าที่มีหนี้เป็นภาระหนัก

– จ่ายน้อย ผ่อนคลาย ได้ลดดอกเบี้ย โดยลูกค้าชำระหนี้อย่างน้อย 1% ของต้นเงิน ธนาคารจะพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ พร้อมกำหนดชำระหนี้ตามศักยภาพ แต่ไม่เกิน 20 ปี ในอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.50)

– ทางด่วนลดหนี้ สำหรับลูกค้าที่เป็นหนี้ NPL ณ 31 มี.ค. 2565 เมื่อชำระหนี้เสร็จสิ้นเป็นรายสัญญา ธนาคารจะพิจารณาลดดอกเบี้ยค้างชำระตามสัดส่วน

สำหรับลูกค้าที่มีหนี้ NPL ที่มีการโอนเพิ่มในปีบัญชี 2565 และมีสถานะ NPL ณ 31 ส.ค. 2565 เมื่อชำระหนี้เสร็จสิ้นเป็นรายสัญญา ธนาคารจะพิจารณาลดดอกเบี้ยค้างชำระตามสัดส่วน

  • มาตรการเสริมสภาพคล่องเพื่อฟื้นฟูลูกค้า

– โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าใช้จ่ายจำเป็นฉุกเฉิน เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกร เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท

– โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2

6. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.): ออก ‘มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติปี 2565’ ตั้งแต่วันนี้ถึง ธ.ค. 2565

  • ลดเงินงวด 50% จากเงินงวดปกติ และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
  • ให้กู้เพิ่มหรือกู้ใหม่อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี คงที่ 1 ปีแรก
  • ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน และคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี 6 เดือน ไม่ต้องชำระเงินงวด
  • ประนอมหนี้ไม่เกิน 1 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก ผ่อนเงินงวดเพียง 1,000 บาท
  • กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรให้ผ่อนชำระดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี
  • ที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลังซ่อมแซมไม่ได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของอาคาร
  • พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย จ่ายตามความเสียหายจริงรวมทุกภัยธรรมชาติสูงสุด 30,000 บาทต่อปี

7. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank): ออก ‘มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ’ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ธ.ค. 2565

  • มาตรการพักชำระหนี้ สำหรับเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา ให้สิทธิ์พักชำระเงินต้น สูงสุด 6 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน ต่ออายุโดยไม่ต้องชำระเงินต้น โดยพิจารณาแนวทางช่วยเหลือตามผลกระทบของผู้ประกอบการแต่ละราย
  • มาตรการเติมทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการ ผ่านโครงการ ‘สินเชื่อ SMEs Re-Start’ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี หรือ MLR-1.25% ผ่อนชำระนานสูงสุด 12 ปี พร้อมปลอดชำระคืนเงินต้น (Grace Period) สูงสุด 24 เดือนแรก

เบื้องต้นธนาคารกำหนดพื้นที่ช่วยเหลือมาตรการพักชำระหนี้ฯ สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ใน 49 จังหวัด ส่วนมาตรการเติมทุนฯ ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

8. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (iBank): ออกมาตรการช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค. 2565

  • มาตรการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะกำไร นานสูงสุด 6 เดือน และยกเว้นค่าชดเชยผิดนัด สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน
  • สินเชื่ออุปโภคบริโภคและเชื่อธุรกิจอัตรากำไรพิเศษ ได้แก่ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัย สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อบ้านชายแดนใต้ สินเชื่อ MOU
  • สินเชื่อธุรกิจอัตรากำไรพิเศษ ได้แก่ โครงการสินเชื่อ SMEs Back to iBank โครงการสินเชื่อ iBank Small SMEs เป็นต้น

9. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank): ออกมาตรการ ‘2 เพิ่ม 3 ช่วย’ สำหรับลูกค้าที่ถูกผลกระทบน้ำท่วม

  • เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินประเภทหมุนเวียนเดิม ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเดิมของลูกค้า
  • เพิ่มวงเงินกู้ สูงสุด 2 ล้านบาท เพื่อซื้อหรือซ่อมแซมเครื่องจักรหรืออาคารโรงงานที่ได้รับความเสียหาย อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ต่อปี ระยะเวลานาน 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น (Grace Period) สูงสุด 3 เดือน
  • ช่วยลดการผ่อนชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยลง สูงสุด 50% เป็นระยะเวลาสูงสุด 1 ปี
  • ช่วยคืนเงิน 2% ของดอกเบี้ยจ่ายสะสมในระยะเวลาดังกล่าว โดยพิจารณาลูกค้าแต่ละรายตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด กรณีลูกค้าสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขใหม่ได้
  • ช่วยขยายระยะเวลาต่ออายุตั๋วสัญญาใช้เงินเกินเทอมที่ธนาคารคารอนุมัติ สูงสุด 180 วัน

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ปัจจุบันเท่ากับ 5.75% ต่อปี

10. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.): ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ใน 25 จังหวัด ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พ.ย. 2565

  • กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs ที่ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อที่ถึงกำหนดชำระ (หนังสือค้ำประกันลงวันที่ 6 ต.ค. – 30 พ.ย. 2565) สามารถพักชำระออกไปอีก 6 เดือนนับจากวันถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมเดิม
  • สำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่ประนอมหนี้กับ บสย.ที่ค้างชำระไม่เกิน 3 งวด (ณ วันที่อนุมัติ) ได้พักชำระค่างวด นานสูงสุด 6 เดือน โดยเริ่มงวดแรกในเดือนที่อนุมัติ แต่ไม่เกินเดือน ธ.ค. 2565

ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยังอีกหลายธนาคาร พบว่าอยู่ระหว่างเตรียมการออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ จึงแนะนำผู้ประสบภัยทั้งทางตรงและทางอ้อมติดตามข้อมูลจากธนาคารที่ใช้บริการเพิ่มเติม

ที่มา

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า